เครือข่ายผู้ป่วยซีแอลจับมือสหภาพองค์การเภสัชกรรม เตรียมบุก สธ.24 เม.ย.นี้ จี้ รมว.สธ.ทบทวนบทบาท ชี้การเมืองมีเป้าหมายแอบแฝงไม่ให้ทำซีแอลยา หวังเปิดช่องธุรกิจยาข้ามชาติยึดตลาดยาแพง
18 เม.ย.56 – นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย และนางสายชล ศรทัตต์ ผู้แทนเครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง ร่วมกันเปิดเผยข้อมูล ผลกระทบของสิทธิบัตรยาต่อผู้ป่วยโรคร้ายแรงซึ่งต้องทนทุกข์กับการขาดโอกาสเข้าถึงยารักษาที่มีราคาแพง เพราะบริษัทยาข้ามชาติผูกขาดตั้งราคาไว้สูงโดยอ้างสิทธิบัตรยา อีกทั้งการให้ข่าวของ นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ยังเป็นการทำลายองค์การเภสัชกรรม
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขในสมัย นพ.มงคล ณ สงขลา เป็น รมว.สธ.ได้ประกาศนโยบายใช้สิทธิโดยรัฐ (ซีแอล) และมอบให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งเป็นวิสาหกิจของรัฐเป็นหัวหอกจัดหายาที่มีคุณภาพเหมือนกันแต่ราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาใช้แทน ทำให้บริษัทยาข้ามชาติต่างๆ ต้องยอมเจรจาลดราคายาลงหลายเท่าตัว อีกทั้งประเทศยากจนหลายประเทศายเท่าถูกเข้ามาใช้และบีบให้บริษัทยาข้ามชาต่าโยบายใช้สิทธิโดยรัฐหรือที่เรียกว่สซีแอลให้องค์การเภสัชกรรมเถือเอาประเทศไทยเป็นตัวอย่างประกาศนโยบายซีแอลตาม สร้างความไม่พอใจให้กับประเทศมหาอำนาจเจ้าของบริษัทยาข้ามชาติเป็นอย่างมาก และใช้ทุกวิธีการกดดันรัฐบาลไทยให้ยกเลิกมาตรการใช้ซีแอลมาโดยตลอด
นายอภิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในรัฐบาลปัจจุบัน นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สธ.ได้มีนโยบายรวมอำนาจหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ด้วยการส่งนักการเมือง นักธุรกิจเอกชน เข้ายึดครองและสร้างความแตกแยกในบอร์ดต่างๆ ของสาธารณสุข รวมถึงบอร์ด อภ. และเข้าควบคุมรัฐวิสาหกิจยาของรัฐที่มียอดขายปีละกว่า 12,000 ล้านบาท อีกทั้งยังทำลายภาพพจน์เชิงธุรกิจของ อภ.ด้วยการเอากรณีการก่อสร้างโรงงานวัคซีนล่าช้าและข่าวการปนเปื้อนของสารตั้งต้นผลิตยาพาราเซทตามอลเป็นประเด็นทำลายความน่าเชื่อถือของ อภ.
จนสหภาพองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ทนไม่ได้ ต้องออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เอาผิดกับ รมว.สาธารณสุขในข้อหาทำร้าย อภ.เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทยาข้ามชาติเข้ายึดตลาดยาของไทย และส่งสัญญาณให้กับประเทศมหาอำนาจว่าต่อไปนี้จะไม่มีหน่วยงานไหนของรัฐทำเรื่องซีแอล อีกแล้ว
ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อแอชไอวี กล่าวว่า พฤติกรรมให้ข่าวทำลายองค์การเภสัชรายวันของ รมว.สธ. ทำให้ผู้ป่วยที่เคยได้รับประโยชน์จากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและนโยบายซีแอลของรัฐบาลที่ผ่านมา เห็นว่าฝ่ายการเมืองมีเป้าหมายทับซ้อนต้องการทำให้องค์การเภสัชกรรมของไทยอ่อนแอลงจนไม่สามารถเป็นเครื่องมือของรัฐในการทำซีแอล และต่อรองราคายากับบริษัทยาข้ามชาติ ทั้งที่รัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แข่งขันกับบริษัทยาข้ามชาติได้ แต่กลับทำตรงข้ามถือเป็นเรื่องที่ผู้บริหารทั่วไปไม่ทำกัน
“ที่ร้ายกว่าคือ รมว.สาธารณสุขได้ทำหนังสือด้วยตัวเองถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ถามถึงเรื่องการบริหารภายในของ อภ.ในลักษณะตั้งข้อสงสัยถึงความโปร่งใสที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่สามารถเรียกหาข้อมูลจากบอร์ดหรือให้บอร์ดเป็นผู้หาข้อมูลตามหน้าที่ได้อยู่แล้ว ทำให้น่าเชื่อว่าเพื่อต้องการบอกองค์การอนามัยโลก และทำให้เป็นข่าวไปทั่วโลกว่า รัฐบาลนี้ไม่สนับสนุน อภ.ให้ทำซีแอลอีกต่อไป และการเจรจาการค้ากับประเทศมหาอำนาจจะไม่มีหน่วยงานของรัฐที่เป็นอุปสรรคอีกแล้ว ถือเป็นใช้อำนาจหน้าที่ทำร้ายประชาชน ทำร้ายประเทศชาติ อย่างเลือดเย็น” นายอภิวัฒน์ กล่าว
ประธานเครือข่ายผู้ป่วยเอชไอวี กล่าวต่อว่า เพื่อให้ รมว.สธ.ทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก เครือข่ายผู้ป่วยเอดส์ มะเร็ง หัวใจ ไตวายและอื่นๆ จะจับมือกับสหภาพ อภ.เดินทางไปกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 24 เม.ย.นี้ เพื่อบอกให้ นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ ทบทวนตัวเองให้เป็น รมว.สธ.ที่ดีของประเทศไทย ไม่ใช่เป็น รมว.สธ.ของบริษัทยาข้ามชาติหรือของธุรกิจการเมืองที่สังคมกำลังตั้งประเด็นสงสัยอยู่ในขณะนี้
รายงานข่าวแจ้งว่าในวันที่ 24 เม.ย.ที่ทางชมรมแพทย์ชนบท ชมรมทันตภูธร เภสัชกร และพยาบาลจะร่วมกันเดินทางไปยัง สธ.และสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินให้ตรวจสอบการทุจริตเชิงนโยบายทำร้ายระบบสาธารณสุขของรัฐ เอื้อประโยชน์ธุรกิจเอกชน ขณะที่ชมรมทันตสาธารณสุขภูธรและเครือข่ายทันตแพทย์ รพ.ชุมชน ออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ชี้นายกทันตแพทยสภา เอาสภาวิชาชีพไปสนับสนุนนโยบายนักการเมือง ขยายความขัดแย้งในระบบบริการสาธารณสุขของพื้นที่ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิก
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai