ฮิวแมนไรท์วอทช์เผยซาอุฯ ออกกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่นิยามการก่อการร้ายอย่างกว้างขวาง รวมถึงผู้ที่ตั้งคำถามต่อศาสนาหรือส่งเสริมแนวคิดแบบอเทวนิยม ซึ่งถูกมองว่าเป็นเครื่องมือลิดรอนเสรีภาพสื่อที่มีอยู่น้อยอยู่แล้วในซาอุฯ
1 เม.ย. 2557 สำนักข่าวดิ อินดิเพนเดนต์ รายงานว่าทางการซาอุดีอาระเบียได้ออกกฎหมายใหม่เพื่อปราบปรามผู้ต่อต้านหรือมีความคิดเห็นขัดแย้งกับทางการโดยกล่าวหาให้พวกเขาเป็น 'ผู้ก่อการร้าย'
จากรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนสหรัฐฯ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่า ทางการซาอุฯ ออกพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับเพื่อปราบปรามการประท้วงและการแสดงออกต่อต้านทางการเมืองที่อาจขัดขวางความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม
ก่อนหน้านี้ทางการซาอุฯ ได้คลอดกฎหมายชื่อ "กฎหมายอาญาว่าด้วยอาชญากรรมการก่อการร้ายและการสนับสนุนทางการเงินต่อการก่อการร้าย"หรือเรียกสั้นๆ ว่า "กฎหมายก่อการร้าย"ซึ่งต่อมามีข้อกำหนดในการที่เจ้าหน้าที่จะสามารถระบุตัวว่าใครเป็นผู้ก่อการร้ายได้
ในมาตราที่ 1 ของข้อกำหนดนิยามการก่อการร้ายของซาอุฯ ระบุว่า "การส่งเสริมแนวคิดอเทวนิยมไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม หรือการส่งเสริมให้มีการตั้งคำถามต่อรากฐานของศาสนาอิสลามซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติซาอุฯ"ซึ่งหมายความว่าผู้มีแนวคิดอเทวนิยมจะถูกจัดเป็นผู้ก่อการร้าย
นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดอื่นๆ รวม 11 มาตรา ซึ่งทางฮิวแมนไรท์วอทช์วิจารณ์ว่าข้อกำหนดเหล่านี้ตีความได้กว้างและใช้ภาษาแบบเดียวกับที่อัยการและผู้พิพากษาในซาอุฯ เคยใช้ในการดำเนินคดีกับนักกิจกรรมและผู้ต่อต้านรัฐบาลอย่างสงบ นอกจากนี้ยังวิจารณ์กฎหมายก่อการร้ายล่าสุดของซาอุฯ ว่ามีข้อบกพร่องอย่างร้ายแรงและเป็นการอนุญาตให้ทางการใช้สั่งลงโทษการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี อีกทั้งยังอนุญาตให้ตำรวจมีอำนาจมากโดยไม่ได้รับการตรวจสอบจากฝ่ายตุลาการ
ฮิวแมนไรท์วอทช์ชี้อีกว่ากฎหมายนี้ซึ่งลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นขัดกับมาตราที่ 32 ของกฎบัตรอาหรับว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่ซาอุฯ ร่วมลงนาม โดยมาตราดังกล่าวนี้สนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นการเสรีภาพด้านการส่งข่าวสารไม่ว่าจะด้วยวิธีทางใด ส่วนมาตรา 28 ของกฎบัตรดังกล่าวได้รับรองสิทธิในการชุมนุมและมีส่วนร่วมอย่างสงบ
ในข้อกำหนดมาตราที่ 4 ระบุรวมถึงการเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ทั้งผู้ที่ประท้วงโดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มเหล่านั้น การมีส่วนร่วมในเนื้อหาหรือคำขวัญของกลุ่มผ่านทางสื่อแขนงใดๆ ก็ตาม หรือแม้กระทั่งการแสดงออกในเชิงเห็นใจกลุ่มเหล่านั้น จะถูกหมายรวมว่าเป็นการก่อการร้ายทั้งหมด
โจ สตอร์ก รองผู้อำนวยการฝ่ายตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า ทางการซาอุฯ ไม่เคยอนุญาตให้มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพวกเขาอยู่แล้ว แต่กฎหมายและหลักการปฏิบัติล่าสุดนี้จะทำให้การวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ก็ตามกลายเป็น 'การก่อการร้าย'ซึ่งเป็นการทำลายความหวังของผู้ที่คิดว่าสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ กษัตริย์ของซาอุฯ จะเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มอิสระและผู้ที่ต่อต้านทางการอย่างสงบ
ทางด้านดิ อินดิเพนเดนต์ ระบุในอีกแง่หนึ่งว่ากฎหมายใหม่ของซาอุฯ น่าจะถูกนำมาใช้ต่อสู้กับชาวซาอุจำนวนหนึ่งที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับสงครามกลางเมืองในซีเรียแล้วกลับเข้าประเทศพร้อมกับความสามารถในการรบและอาจจะมีแนวคิดต้องการโค่นล้มผู้นำประเทศ
โดยในพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 44 ระบุว่าผู้ที่เข้าร่วมการแสดงความเป็นปฏิปักษ์ภายนอกประเทศจะต้องโทษจำคุกระหว่าง 3 ถึง 20 ปี นอกจากนี้ในข้อกำหนดยังได้ระบุอีกว่ามีองค์กรบางองค์กรเช่นกลุ่มภราดรภาพมุสลิมถูกรัฐบาลซาอุฯ จัดอยู่ในข่ายองค์กรก่อการร้ายด้วย
ฮิวแมนไรท์วอทช์ยังได้เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักกิจกรรมในซาอุฯ หลายคนที่ถูกกุมขังเนื่องจากวิพากษ์วิจารณ์ทางการ โดยมีผู้ถูกสั่งจำคุกตั้งแต่อย่างน้อย 3 เดือน ไปจนถึง 11 ปี
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai