ชี้ “ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการรับพิจารณาเรื่องนี้” กรณีรับคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 พรรคเพื่อไทย เห็นชอบและสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ ส.ส. วรชัย เหมะ และขอให้มีการพิจารณาเลื่อนระเบียบวาระขึ้นมาในการประชุม 18 เม.ย.นี้
มติร่วมที่ประชุม
คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค คณะกรรมการประสานภารกิจ และที่ประชุม ส.ส.พรรค ………………………………
1) กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ที่ประชุมเห็นว่า...
1. รัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ เป็นไปตามบทบัญญัติ มาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญ
มาตรา 291 ...
”ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการรับพิจารณาเรื่องนี้”
รัฐสภาจึงไม่ต้องดำเนินการตามศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิก จะร่วมกันออกคำแถลงการณ์ชี้แจงต่อพี่น้องประชาชน ถึงเหตุผลในการคัดค้านการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังดำเนินการกันอยู่ในรัฐสภาปัจจุบัน
3. สมาชิกรัฐสภาที่ร่วมกันพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอยู่ในขณะนี้ จะร่วมกันหารือเพื่อหาทางออกจากวิกฤตความขัดแย้งนี้ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างถูกต้อง และชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
4. วันที่ 18 เม.ย.นี้ เวลา 09.30 น. รัฐสภาจะเปิดประชุมเพื่อลงมติในระเบียบวาระที่ยังค้างอยู่ โดยเฉพาะในประเด็นที่มีการเสนอญัตติให้มีการแปรญัตติเป็นเวลา 60 วัน แต่ไม่ครบองค์ประชุม
แต่เพื่อให้การดำเนินการในรัฐสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พรรคจึงสนับสนุนให้มีการพิจารณาระเบียบวาระดังกล่าวใหม่ เพื่อให้กระบวนการต่างๆ ในรัฐสภาเกิดความเรียบร้อยต่อไป
2) การพิจารณาข้อเสนอเลื่อนระเบียบวาระการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม
ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในระดับต่างๆ ได้พิจารณาอย่างกว้างขวางรอบคอบ ทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์
พรรค / คณะกรรมการประสานภารกิจ / และที่ประชุม ส.ส.พรรค มีมติเห็นชอบร่วมกัน ดังนี้
“พรรคมีมติ เห็นชอบ และสนับสนุน
ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ ส.ส. วรชัย เหมะ
และขอให้มีการพิจารณาเลื่อนระเบียบวาระขึ้นมา เป็นวาระแรก
เพื่อสามารถพิจารณาให้ทันการเปิดสมัยประชุมหน้า
โดยให้มีการพิจารณาเลื่อนระเบียบวาระ ในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 18 เม.ย.นี้”
ทั้งนี้ เห็นว่า ควรยึดหลักการที่จะช่วยนิรโทษกรรม และช่วยเหลือประชาชนทุกฝ่ายก่อน โดยยังไม่พิจารณา นิรโทษกรรมแกนนำของทุกฝ่ายในขณะนี้ แต่จะนำเรื่องการนิรโทษกรรมแกนนำผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนอีกครั้ง อย่างรอบคอบ ในโอกาสต่อไปในอนาค 17 เมษายน 2556
|
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งโดยมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 3 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณีนายบวร ยสินทร กับคณะ ขอให้ศาลฯ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ม.65 ว่า ประธานรัฐสภากับพะวก 312 คน กระทำการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการตัดสิทธิของบุคคลในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ แต่ยกคำขอคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากไม่ปรากฏมูลกรณีอันเป็นเหตุฉุกเฉินหรือเหตุอันสมควรเพียงพอที่จะต้องใช้วิธีการชั่วคราว รวมทั้งเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 รับคำร้อง นายสมชาย แสวงการส.ว.สรรหา กรณีขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 64 ว่า “นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กับคณะ กระทำการที่ส่อไปในทางกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและส่อว่าจงใจใช้ อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญโดยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย การตัดสิทธิบุคคลในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือไม่”
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนา ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ม.68 ว่า นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ผู้ถูกร้องที่ 1 กับคณะ 11 คน และพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ถูกร้องที่ 12 กระทำการร่วมกันใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีการตัดสิทธิของบุคคลในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ โดยศาลเห็นว่าคำร้องไม่ปรากฏว่ามีการกระทำฝ่าฝืนหรือต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ม.68 วรรคหนึ่ง ดังนั้นคำขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉินย่อมตกไปด้วย
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai