รองโฆษก สตช. เผย ‘อีโอดี’ เคลียร์ระเบิด 2 ลูก บริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด และสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการเรียบร้อย ขณะที่ ผบ.ตร. เผยเห็นด้วยกับ ผอ.ศรส. เตรียมเสนอ ครม. ยกเลิกการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯ
09.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD เตรียมเข้าตรวจสอบเหตุหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการ ถนนรัชดาภิเษก (ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมโฆษก สตช.)
17 มี.ค. 2557 คม ชัด ลึกรายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส.ที่เตรียมเสนอให้ คณะรัฐมนตรี ยกเลิกการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากสถานการณ์โดยภาพรวมดีขึ้น และการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็จะทำให้บรรยากาศด้านต่างๆดีขึ้น เพื่อเดินหน้าสู่การปฏิรูป แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังเหตุแทรกซ้อน โดยเฉพาะมือที่ 3 ซึ่งอาจจะเข้ามาก่อเหตุในช่วงที่มีการเจรจาทางการเมือง
ส่วนเหตุคนร้ายวางระเบิดบริเวณป้ายรถเมล์ หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด และสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการ เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก เอกอสนานนท์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผช.ผบ.ตร. พร้อมทีมสืบสวนลงไปตรวจสอบแล้ว
'ผบ.ตร.'เชิญผู้ประกอบการถกมาตรการสกัดโจร
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม เตรียมความพร้อมเชิงปฎิบัติการงานป้องกันและปราบปราม โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตัวแทนนายกสมาคมผู้ประกอบการร้านทอง , นายกสมาคมธนาคาร / ผู้แทนร้านสะดวกซื้อ (7-11,Lotus ฯลฯ) เข้าร่วมประชุม
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ยอมรับว่าช่วงฤดูร้อน มีการก่อเหตุการโจรกรรมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีแรงงานจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับแผนเพื่อลดการก่อเหตุ และการเรียกผู้ประกอบการมาในวันนี้ ก็เพื่อเป็นการป้องกันอาชญากรรม โดยจะให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงแผนปทุษกรรมของคนร้าย และอยากจะให้ทางผู้ประกอบการมีมาตรการรักษาความปลอดภับเบื้องต้น เช่น การติดตั้งซีซี.ทีวี การจ้างรปภ. การวางระบบการจัดเก็บเงินของร้านสะดวกซื้อ ทั้งหมดก็เพื่อลดช่องโอกาสที่คนร้ายจะก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ 80 เปอร์เซ็นต์ของเหตุที่เกิดทั้งหมด
รอง โฆษก สตช. เผย ‘อีโอดี’ เคลียร์ระเบิด 2 ลูกเรียบร้อย
ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีพบระเบิด 2 ลูกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยจุดแรกอยู่ที่บริเวณถังขยะ หน้าป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ สำนักงานอัยการสูงสุด และจุดที่สองอยู่ที่บริเวณด้านหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการ ถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับจุดแรก โดยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดทั้ง 2 จุด พบว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง บรรจุอยู่ในถังดับเพลิงขนาด 15 กิโลกรัม วงจรระเบิดพร้อมทำงาน โดยตั้งเวลาระเบิดไว้ที่เวลา 09.00 น. มีรัศมีการทำลายล้างประมาณ 20-40 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่อีโอดีได้ใช้ปืนแรงดันน้ำตัดวงจร และเก็บกู้วัตถุระเบิดทั้ง 2 จุดเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจากการตรวจสอบลักษณะของระเบิดทั้ง 2 ชนิดนั้นเหมือนกัน จึงเชื่อได้ว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน และจากการตรวจสอบสารเคมีที่ใช้ทำระเบิด คาดว่าเป็นแอมโมเนียมไนเตรท หรือ ยูเรีย ซึ่งมักใช้ในระเบิดที่พบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ หรือมีเป้าหมายอื่นรวมถึงต้องรอการตรวจสอบสารเคมีและรอยนิ้วมือแฝงอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาเบาะแสและจับกุมตัวคนร้ายต่อไป
พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์
พล.ต.ต.อนุชา เปิดเผยด้วยว่า สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มกปปส. ยังคงมีการชุมนุมอยู่ในหลายพื่นที่ของกรุงเทพมหานคร ส่วนการชุมนุมในเวทีคู่ขนานต่างจังหวัด มีทั้งสิ้น 12 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนือมี 4 จังหวัด ภาคกลาง 1 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด และภาคใต้ 5 จังหวัด ส่วนการชุมนุมของกลุ่มนปช.มีที่จังหวัดแพร่ และสมุทรสาคร กิจกรรมของกกลุ่ม กกปส. จะมีการเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และมีการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ดำเนินการยื่นคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการสิ้นสุดสถานภาพของรัฐบาลรักษาการ ในส่วนของ เวทีกปปส. สวนลุมพินี จะมีการเสวนาในหัวข้อต่างๆ ส่วนผลการตั้งด่านความมั่นคงเมื่อคืนที่ผ่านมา มีการจับกุมจับกุมผู้ต้องหา 9 ราย 9 คน ของกลางประกอบไปด้วยอาวุธปืน 2 กระบอก กระสุนปืน 17 นัด มีด 4 เล่ม ยาบ้า 3,000 เม็ด