คณะกรรมการนิติศาสตร์สากล แถลงเรียกร้องรัฐบาลไทยคลี่คลายคดีทนายสมชาย นีละไพจิตร หลังการหายตัวครบ 10 ปี ระบุกระบวนการยุติธรรมยืดเยื้อและเต็มไปด้วยอุปสรรค
ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ประจำประเทศไทย แซม ซาริฟี คณะกรรมการนิติศาสตร์สากล หรือ ไอซีเจ (International Commission of Jurists) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิก แถลงข่าวร่วมกับ อังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของนายสมชาย นีละไพจิตร และสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์ วอทช์ ประจำประเทศไทย
อังคณากล่าวว่าเธอยังไม่สิ้นความหวัง แม้เวลาผ่านมาเกือบ สิบปีแล้ว เธอหวังว่ากรณีของสมชายจะหยุดยั้งการบังคับหาย กรณีของสมชายนั่นเกิดขึ้นครอบครัวจำนวนมากในภาคใต้ มีบางครอบครัวถูกบังคับให้รับเงินแล้วเงียบ แม้ว่ากระบวนการยุติธรรมอาจจะไม่สามารถนำชีวิตของสมชายกลับมาได้ แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ควรได้รับความยุติธรรม
ด้าน แซม ซาริฟีผู้อำนวยการ ICJ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระบุว่า ICJ จะไม่หยุดการติดตามกรณีของสมชาย และกรณีของสมชายคือ ความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลไทย
นายซาริฟี ระบุว่า ปัญหาใหญ่กรณีของสมชายคือการไม่พบศพ ทำให้ไม่สามารถไต่สวนการตายได้
สุนัย ผาสุก ชี้ว่าสิบปีผ่านไปที่คดีการหายตัวของทนายสมชาย นีละไพจิราไม่มีความคืบหน้าใดๆ เป็นสิ่งที่แสดงชัดเจนว่าประเทศไทยไม่ได้ผูกพันตัวเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ นี่เป็นข้อความที่ชัดเจนมากว่า คนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐจะต้องพบเจอกับอะไร และขณะนี้นักปกป้องสิทธิมนุษยชนถูกบังคับสูญหายและเสียชีวิตกว่าสามสิบคนแล้ว โดยมีไม่มีการลงโทษผู้กระทำผิดเลยแม้แต่รายเดียว เริ่มจากกรณีของทนายสมชาย ในรัฐบาลทักษิณ ต่อเนื่องมายังรัฐบาลทหาร อภิสิทธิ์ และยิ่งลักษณ์ ปรากฏการณ์เช่นนี้แสดงชัดว่าไม่ว่ารัฐบาลจะมาโดยทางใด ก็มีแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนไม่ต่างกัน
ทั้งนี้ ไอซีเจ ได้จัดทำรายงาน 10 ปีอันไร้ซึ่งความจริง: สมชาย นีละไพจิตรและการบังคับใช้สูญหายในประเทศไทย โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า กระบวนการยุติธรรมไทยนั้นยืดเยื้อและมีอุปสรรค รวมถึงความบกพร่องในการใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การติดตามแสวงหาเบาะแสคดี การตีความกฎหมายทั้งของไทยและระหว่างประเทศที่เคร่งครัดเกินไป และเหนือสิ่งอื่นใดคือการขาดเจตจำนงทางการเมืองที่จะคลี่คลายคดีที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการปล่อยคนผิดให้ลอยนวล
“ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีเหตุผิดปกติที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นหลายประการรวมทั้งการหายตัวไปของผู้ต้องหาคนสำคัญในคดี การที่เจ้าหน้าที่รัฐออกมายอมรับว่าทนายสมชายเสียชีวิตแล้ว ในขณะที่ศาลปฏิเสธไม่รับฟังข้อมูลดังกล่าว และล่าสุดยังมีการให้ข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่าแฟ้มรายงานการสอบสวนคดีนี้หายไป และต่อมาออกมาให้ข่าวว่าหาแฟ้มดังกล่าวพบแล้ว” นายแซม ซาริฟี กล่าว
รายงานดังกล่าวได้ระบุข้อเสนอต่อรัฐบาล ให้ทำการให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย และออกกฎหมายที่บัญญัติให้การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดทางอาญา รวมถึงกำหนดโทษที่สอดคล้องกับความร้ายแรงของความผิด และยังเรียกร้องให้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่เพื่อให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลมิให้สูญหาย รวมทั้งพันธกรณีของรัฐ รวมถึงการกำหนดให้มีการเยียวยาและชดเชยที่มีประสิทธิผลตามหลักกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี
ทนายสมชาย นีละไพจิตร ถูกดักจับตัวบนถนในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 จากนั้นถูกลากตัวออกจากรถยนต์โดยชายกลุ่มหนึ่ง และไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย
ก่อนการหายตัวไป ทนายสมชายอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีให้ลูกความจากจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งต้องเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกจู่โจมฐานทัพ-ปล้นปืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ โดยทนายสมชายได้ร้องเรียนกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนในการซ้อมทรมานผู้ต้องหาที่เป็นมุสลิมในคดีดังกล่าว