รบ.ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง ยันเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ‘สุรพงษ์’ เสนอเชิญเลขาฯ ยูเอ็น เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ม็อบรวมตัวหน้า สตช.ร้องตำรวจเร่งสางปมบึ้มเด็กตาย สธ.ประกาศไม่เอารัฐบาลโกง -ประณามความรุนแรง
26 ก.พ.2557 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุม สรุปว่า รัฐบาลไทยขอประณามอย่างแรงที่สุด ที่มีการใช้ความรุนแรงที่ จ.ตราด เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 และที่บริเวณแยกราชประสงค์ในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งเด็ก บาดเจ็บล้มตาย การก่อเหตุรุนแรงที่ไร้เหตุผล และโหดร้ายดังกล่าว รังแต่จะทำให้สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันเลวร้ายลง
รัฐบาลไทยแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ รัฐบาลได้สั่งให้มีการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม และรัฐบาลไทยรับทราบแถลงการณ์ล่าสุด โดยเลขาธิการสหประชาชาติที่ประณามการโจมตีด้วยอาวุธเมื่อเร็วๆ นี้ และรับทราบข้อเสนอของเลขาธิการสหประชาชาติ ที่อาสาจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์การเมืองปัจจุบันในทุกวิถีทางที่สามารถทำได้
‘สุรพงษ์’ เสนอเชิญเลขาฯ ยูเอ็น เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยปัญหาในไทย
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกล่าวถึงการเจรจาระหว่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กับพระพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส.ว่า การเจรจาดังกล่าวไม่เกี่ยวกับ ศรส. แต่ถือเป็นความพยายามช่วยหาทางออกวิธีหนึ่ง
“ผมเห็นว่า ขณะนี้ความวุ่นวายและความรุนแรงเกิดขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการทำให้เด็กต้องเสียชีวิตถึง 4 ศพ จึงมีแนวคิดว่าจะต้องเชิญนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มาให้คำแนะนำ เนื่องจากยูเอ็นมีประสบการณ์ในการพูดคุยหาทางออก และแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะขาดความเชื่อมั่นจากสังคมโลก” นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้งในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นซีเรีย ยูเครน อียิปต์ หรือรวันดา ยูเอ็นไปทีหลัง แทบจะไม่มีประโยชน์เลย ดังนั้น หากสามารถมาชี้แนะก่อนได้ เพื่อให้เกิดการเจรจาระหว่างกัน ประเทศไทยน่าจะแก้ไขปัญหาสิ่งเหล่านี้ได้ และว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (26 ก.พ.) ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายบัน คี มูน เพื่อหารือเรื่องดังกล่าวโดยตรง และจะเสนอแนวคิดนี้ต่อที่ประชุม ศรส. หากที่ประชุมเห็นด้วย ก็จะทำหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“วันนี้ฝ่ายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ไม่ยอมรับคนกลาง ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเกิดขึ้น ดังนั้น คนกลางที่อาจจะเป็นไปได้ในอนาคตที่เหมาะสมที่สุดคือ ยูเอ็น เพราะเขาเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยทุกอย่าง หากพรรคประชาธิปัตย์กลัวว่า การเลือกตั้งจะไม่ยุติธรรม ยูเอ็นก็มีองค์กรที่จะมาดูแล ให้การเลือกตั้งเกิดความยุติธรรม อยู่ที่เราจะใช้เขาให้เป็นประโยชน์หรือไม่เท่านั้น คิดว่าวันนี้คนไทยต้องเปิดใจให้กว้าง อย่าคิดว่าจะนำมาแทรกแซง หากประเทศไทยเกิดสงครามการเมืองขึ้นมา ยูเอ็นเองต้องเข้ามาอยู่ดี เพื่อมาหาทางแก้ไขและสร้างความปรองดอง” นายสุรพงษ์ กล่าว
ศรส.ห่วงแนวโน้มสถานการณ์รุนแรงขึ้นทุกวัน
ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุมวันนี้ โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ กรรมการ ศรส. ระบุว่า นับแต่ศาลแพ่งมีคำสั่งห้าม ศรส.ปฏิบัติ 9 ข้อ พบแนวโน้มสถานการณ์รุนแรงขึ้นทุกวัน และมีข้อมูลกลุ่มใช้ความรุนแรงในลักษณะกองกำลัง ปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุม จึงขอร้องให้ประชาชนงดเข้าร่วมชุมนุมโดยเด็ดขาด
ม็อบรวมตัวแต่งดำหน้า สตช.ร้องตำรวจเร่งสางปมบึ้มเด็กเสียชีวิต
วันเดียวกัน บรรยากาศหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ช่วงเช้า มีมวลชน กปปส.แต่งกายด้วยชุดดำจากเวทีปทุมวัน ทยอยเดินทางมาถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศนัดหมาย เพื่อแสดงสัญลักษณ์เรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้เสียชีวิต และเด็กที่เสียชีวิตจากเหตุการกราดยิงที่เวที กปปส.จังหวัดตราด และเหตุลอบยิงระเบิดใกล้เวทีราชประสงค์ และจะยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบถามความชัดเจนในคดี ขณะเดียวกัน นายวิทยา แก้วภราดัย นายถาวร เสนเนียม และ นายอิสสระ สมชัย แกนนำจากเวทีลุมพินีนำมวลชนเคลื่อนขบวนมาสมทบ เช่นเดียวกับกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เคลื่อนขบวนจากแยกนางเลิ้ง มาสมทบที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่นกัน โดยก่อนที่นายสุเทพ จะเดินทางมาถึง แกนนำ กปปส.จากทุกเวที รวมถึงผู้ชุมนุมจากกองทัพธรรม ได้ทยอยเดินทางมาถึงและจัดระเบียบผู้ชุมนุม ทั้งนี้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ได้ประกาศผ่านรถปราศรัยเคลื่อนที่ กำชับมวลชนอยู่ในความสงบ ห้ามบุกเข้าไปด้านใน สตช.และห้ามทำลายทรัพย์สิน พร้อมเรียกร้องให้ ผบ.ตร.เปิดประตูทางเข้า ออก เพื่อแสดงความจริงใจ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใน สตช. ได้เปิดประตูทางเข้าออก ที่ถนนพระราม 1 ทำให้แกนนำ ประกาศขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงเป่านกหวีดจากกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งการชุมนุมยังเป็นไปอย่างเรียบร้อย และไม่มีผู้ชุมนุมคนใดเข้าไปด้านใน สตช.
‘สุเทพ’ ขอบคุณ ผบ.ตร.ตั้งชุดติดตามมือป่วนม็อบ
นายสุเทพ ยังขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าคดีเป็นระยะ ส่วนกรณีถูกออกหมายจับ ยืนยันไม่หลบหนี แต่ขอต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ และจะเข้ามอบตัวกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเอง
จากนั้นนายสุเทพได้นำมวลชนยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้สูญเสีย พร้อมร้องเพลงมาร์ชตำรวจ และมอบดอกไม้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก่อนมวลชนจะสลายตัวกลับ
สธ.ไม่เอารัฐบาลโกง และประณามความรุนแรง
ด้านบรรยากาศที่อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข พนักงานราชการ ลูกจ้างกระทรวงสาธารณสุข แต่งกายด้วยชุดดำกว่า 500 คน รวมตัวในนามเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เครือข่ายประชาคมสาธารณสุข ประกาศจุดยืน ดังนี้ 1.ประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ หลังมีเหตุระเบิดในหลายพื้นที่จนมีประชาชนเสียชีวิต 21 คน ในจำนวนนี้มีเด็ก 4-6 ขวบ เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บเกือบพันคน และ 2. ต่อต้านการคอร์รัปชั่น ไม่เอารัฐบาลที่โกงประชาชน พร้อมเชิญชวนบุคลากรสาธารณสุขร่วมติดสติกเกอร์ และป้ายคัตเอาท์ ข้อความว่า "ไม่เอา"รัฐบาลโกงประชาชน ติดอาคารในกระทรวง สถานพยาบาลทั่วประเทศ โรงเรียนแพทย์ที่เข้าร่วม และแม้แต่รถพยาบาล และขอให้ทุกคนมีการรวมตัวเป็นประชาคม เพื่อสร้างกลไกตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ทั้งภายในกระทรวง กรม ทั้งระดับเขต และจังหวัด
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะเห็นแก่ประเทศชาติ ไม่ได้เป็นการเลือกข้าง หรือฝ่ายใด ไม่เคยนำกระทรวงสาธารณสุขไปเข้ากับพรรคการเมือง และขอให้บุคลากรทางการแพทย์ให้บริการประชาชนตามกรอบและจริยธรรมวิชาชีพ ดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม และขอให้บุคลากรสาธารณสุขที่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองในนามส่วนตัว เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากขณะนี้มีความรุนแรงในพื้นที่
ทั้งนี้ เครือข่ายฯ ได้นำป้ายขนาดใหญ่ "ไม่เอา"รัฐบาลโกงประชาชน ติดที่หน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งก่อนนี้ได้มีการติดตั้งป้ายไปแล้วในช่วงเช้า แต่ถูกปลดออก โดยป้ายชุดใหม่นี้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม จากนั้นได้ร่วมกันยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองเป็นเวลา 1 นาที
เรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย