24 ก.พ. 2557 สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงรายวัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุระเบิดที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซีราชดำริ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 21 คน เสียชีวิต 3 คน รวมทั้งเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีเหตุรุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกผ่านฟ้า และเกิดความรุนแรงในพื้นที่ต่างจังหวัด อาทิ จ.ตราด จ.ระยอง จ.ปทุมธานี โดยกระทรวงสาธารณสุขได้สรุปยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 56 - จนถึงขณะนี้ มีผู้บาดเจ็บแล้ว 779 คน เสียชีวิต 20 คน รวมเป็น 799 คน จากสถิติของการบาดเจ็บและการเสียชีวิตตามสถิติที่ปรากฏนี้ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นในสถานการณ์การชุมนุมจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนควรศึกษาและเรียนรู้ไว้และหากเราพบเห็นผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์ฉุกเฉินหรือสถานการณ์การชุมนุมเราจะได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บให้รอดชีวิตได้อย่างทันท่วงที
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติระบุว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยช่วยเหลือประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในทุกจุด โดยเจ้าหน้าที่ได้เตรียมพร้อมอุปกรณ์และการทำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ของการชุมนุมเมื่อมีเหตุปะทะเกิดขึ้นนั้น ทำให้การเข้าให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ฉุกเฉินมีอุปสรรค ดังนั้นหากผู้เข้าร่วมชุมนุมหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นในสถานการณ์การชุมนุมก็จะสามารถช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับผู้บาดเจ็บในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บได้
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บจากการชุมนุมนั้นผู้ที่จะเข้าให้การช่วยเหลือหรือผู้ปฐมพยาบาลเองจะต้องมีสติและไหวพริบในการช่วยเหลือ โดยประยุกต์เอาอุปกรณ์ที่มีอยู่รอบตัวอาทิ ผ้าโพกหัว ช้อนส้อม ปากกาดินสอ ผ้าพันคอ เสื้อผ้า มาใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บให้ได้มากที่สุดโดยส่วนใหญ่ในสถานการณ์การชุมนุมนั้นจะเกิดการบาดเจ็บจากการปะทะ โดนยิง หรือโดนสะเก็ดระเบิดซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บาดเจ็บเสียเลือดมากโดยเฉพาะในบริเวณแขนขาหรือทรวงอก ดังนั้นการเรียนรู้ในเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่จะเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญ
นพ.อนุชา กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญก่อนที่เราจะเข้าให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้บาดเจ็บนั้น เราจะต้องเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกมาจากจุดปะทะอย่างถูกวิธี เพราะหากเราเคลื่อนย้ายอย่างผิดวิธีก็จะยิ่งทำให้ความรุนแรงของการบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งสิ่งที่ผู้เข้าให้การช่วยเหลือจะต้องเน้นเป็นอันดับแรกในการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บคือความปลอดภัยของตัวเราเองที่เข้าไปให้การช่วยเหลือ เมื่อเราเห็นแล้วว่าการเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ป่วยนั้นมีความปลอดภัยเราถึงจะดำเนินการเข้าให้การช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดเพื่อหาที่ปลอดภัยและทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยรายละเอียดของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉินมีดังนี้
ข้อห้ามในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน 1. ห้ามลากแขนผู้ป่วยเพราะถ้าผู้ป่วยน้ำหนักเยอะจะทำให้หัวไหล่หลุดได้ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อตัวผู้ป่วย 2. ห้ามลากขาผู้ป่วย เพราะถ้าเป็นพื้นลูกรังหรือพื้นขรุขระจะทำให้ผู้ป่วยมีบาดแผลเพิ่มขึ้นมาอีกได้ 3. ห้ามยกแขกยกขาผู้ป่วยขึ้นพร้อมกัน เพราะจะทำให้แขนและขาผู้ป่วยเกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นมาอีกได้
วิธีเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน 1. ถ้าเราประเมินว่าผู้ป่วยรูปร่างไม่ใหญ่กว่าตัวเราและเราสามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้คนเดียว และหากผู้ป่วยใส่เสื้อเชิ้ตหรือเสื้อแจ็คเก็ตที่หนาๆ เราก็เข้าไปจับเสื้อบริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้างของผู้บาดเจ็บและล็อคมือบนเสื้อบริเวณไหล่ทั้งสองข้างของผู้ป่วยให้แน่นแล้วยกส่วนหัวและช่วงลำตัวของผู้ป่วยให้สูงขึ้นและลากผู้ป่วยเข้าที่กำบัง โดยในระหว่างที่ลากผู้ป่วยนั้นผู้เข้าให้การช่วยเหลือจะต้องทำตัวให้ต่ำๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้เข้าให้การช่วยเหลือเองด้วย 2. ในกรณีที่เราไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยคนเดียวได้ให้เรียกผู้ช่วยมาหนึ่งคนและเมื่อเราเข้าไปหาผู้ป่วยแล้วให้จับตัวผู้ป่วยลุกขึ้นในลักษณะนั่งแล้วคนแรกก็เข้าไปล็อคที่ตัวผู้ป่วยโดยสอดมือเข้าไปใต้รักแร้ของผู้ป่วยและล็อคมือทั้งสองข้างบริเวณหน้าอกของผู้ป่วย และผู้ช่วยคนที่สองก็เข้าไปที่หว่างขาทั้งสองข้างของผู้ป่วยและจับขาผู้ป่วยและยกผู้ป่วยขึ้นพร้อมกันเพื่อทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าไปสู่ที่ปลอดภัยเพื่อรอการปฐมพยาบาล ซึ่งท่านี้จะทำให้เราเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ไกลและผู้ป่วยก็จะมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย
ด้าน พลตรีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้แนะนำถึงวิธีในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ป่วยที่มีบาดแผลอุกฉกรรจ์บริเวณลำตัวว่า เมื่อเราพบเห็นผู้บาดเจ็บที่มีบาดแผลอุกฉกรรจ์บริเวณลำตัวหรือทรวงอกไม่ว่าจะเป็นแผลจากการโดนยิงหรือแผลจากการถูกสะเก็ดระเบิดสิ่งแรกที่เราจะต้องทำคือการห้ามเลือดโดยอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นหมวก ผ้าพันคอ ผ้าขาวมา หรือผ้าต่างๆ เราสามารถที่จะนำมาพับให้มีขนาดกะทัดรัดหรือแน่นและให้นำผ้าเหล่านี้กดไปบริเวณที่มีบาดแผลอุกฉกรรจ์ จากนั้นค่อยห้ามเลือดโดยการใช้ผ้าที่มีลักษณะยาวเช่นแจ๊คเกตบางๆ รัดไว้ให้แน่นเพื่อที่จะทำให้เลือดหยุดไหล ในกรณีที่ผู้ป่วยมีบาดแผลบริเวณหน้าอกไม่ว่าจะเป็นการโดนยิงหรือถูกสะเก็ดระเบิดโดยผู้ป่วยมีอาการหายใจหอบเหนื่อยและการหายใจเหมือนมีลมเข้าออกจะต้องใช้แผ่นพลาสติกปิดไว้ก่อนเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ลมออก
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงหรือถูกสะเก็ดระเบิดและมีบาดแผลที่บริเวณหน้าอก
1. สังเกตดูว่าผู้ป่วยมีบาดแผลตรงบริเวณไหน ถ้าสงสัยว่ามีลมรั่วในปอดซึ่งเราจะได้ยินเสียงของลมเข้าออกให้รีบทำการปฐมพยาบาลทันทีซึ่งหากผู้ปฐมพยาบาลยังหาอุปกรณ์อะไรไม่ได้ก็ให้ใช่ฝ่ามือปิดไปบนบาดแผลก่อนได้เลย และขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อจะหาอุปกรณ์มาปิดบาดแผล
2. ผู้ปฐมพยาบาลใช้ถุงก๊อบแก๊บถุงขนมหรืออะไรก็ได้ที่เป็นพลาสติกปิดทับไปตรงบริเวณบาดแผลและหาผ้าที่อยู่ใกล้ๆตัวอาทิ หมวกผ้า พ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า มาพับให้หนาๆ เพื่อใช้กดบริเวณบาดแผลเพื่อทำการห้ามเลือด และให้หาผ้ายาวๆ มาอีกหนึ่งผืนเพื่อใช้ในการพันปิดทับไปบนบาดแผลและใช้พันบริเวณรอบลำตัว หรือถ้าไม่มีผ้าเลยก็สามารถใช้เสื้อแจ็คเก็ตหรือเสื้อกันหนาวที่ไม่หนามากนำมาใช้ในการผูกปิดทับบริเวณบาดแผลหรือบริเวณลำตัวก็ได้
3. ก่อนที่จะมัดเราจะต้องจับตัวของผู้บาดเจ็บตะแคงและทำการสอดผ้าผืนยาวเข้าไป ซึ่งในระหว่างที่จับตัวผู้บาดเจ็บตะแคงก็ต้องเช็คดูด้วยว่าบริเวณด้านหลังมีอาการบาดเจ็บด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้ามีก็จะต้องปฐมพยาบาลในลักษณะเดียวกัน โดยผู้ปฐมพยาบาลต้องมัดผ้าให้แน่นๆ เพื่อป้องกันเลือดและลมออกจากบาดแผลที่บริเวณที่ทรวงอก
ทั้งนี้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นต่างๆ เหล่านี้ ผู้ทีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทุกฝ่าย และประชาชนทั่วไปที่พบเห็นผู้บาดเจ็บสามารถนำไปปฏิบัติได้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะต้องส่งต่อผู้ป่วยให้ถึงมือของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อนำผู้บาดเจ็บไปรักษาอย่างทันท่วงทีด้วย
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai