‘ซัมซามิน’ ชี้พูดคุยสันติภาพใต้ไม่ล้ม แต่เดินหน้าต้องรอไทยได้รัฐบาลใหม่

ดาโต๊ะ ซัมซามิน ผู้อำนวยความสะดวกพูดคุยสันติภาพไทย-บีอาร์เอ็น แถลงข่าว 1 ปี กระบวนการพูดคุย ระบุถ้าไทยยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ก็นัดพูดคุยรอบใหม่ไม่ได้ ชี้ไม่ได้ล้มแค่ชะงักชั่วคราว ยันพูดคุยทั้ง 2 ฝ่ายต่อเนื่อง

19 ก.พ.2557 เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาประเทศมาเลเซีย ที่ห้องประชุม DEWAN PLATINUM  โรงแรม HABIB เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ดาโต๊ะสรี อาห์มัด  ซัมซามิน ฮาซิม อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยการความสะดวกกระบวนการพูดคุยสันติภาพระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับขบวนการต้อสู้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นำโดยขบวนการบีอาร์เอ็น (BRN) ได้นัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนท้องถิ่นของไทยและสื่อมาเลเซียถึงผลการดำเนินงานด้านการพูดคุยสันติภาพตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา และแนวทางการเดินหน้าต่อในเรื่องการพูดคุยสันติภาพระหว่างผู้แทนฝ่ายรัฐบาลไทยและผู้มีความเห็นต่าง

ดาโต๊ะซัมซามิน แถลงว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมามีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ 4 ครั้ง ส่วนคำถามที่เป็นข้อสงสัยกันมากว่า การพูดคุยเพื่อสันติภาพล้มแล้วหรือไม่ เพราะตอนนี้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นและการพูดคุยไม่ได้ดำเนินต่อหลังจากหยุดชะงักลงนั้น ตนคิดว่าการพูดคุยเพื่อสันติภาพยังคงเดินหน้าต่อไม่ได้ล้มเหลว เพียงแต่หยุดชะงักชั่วคราวด้วยสาเหตุบางประการที่เกิดขึ้นขณะนี้

ดาโต๊ะซัมซามิน แถลงต่อไปว่า ถึงแม้ว่าไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ แต่ตนในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการความสะดวกขอยืนยันว่า ในระหว่างนี้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกันหลายครั้ง และพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของทั้งสองฝ่าย และถึงแม้ว่าจะฝ่ายรัฐบาลไทยจะมีปัญหาการเมืองที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่รู้จะยุติลงเมื่อไหร่ แต่ก็มีผู้แทนฝ่ายรัฐบาลไทยติดต่อเข้ามาที่ตนว่าอยากให้มีการพูดคุยต่อไป ส่วนผู้แทนฝ่ายบีอาร์เอ็นเองก็มีความจริงใจที่จะร่วมพูดคุยต่อเพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้

ดาโต๊ะซัมซามิน กล่าวว่า ส่วนการพูดคุยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องรอให้ประเทศไทยได้รัฐใหม่ก่อน เพราะหากพูดคุยไปก็ไม่มีอาณัติสัญญาณว่าผลการพูดคุยจะได้รับการตอบสนองไปมากน้อยแค่ไหน

ดาโต๊ะซัมซามิน กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า ไม่ว่ารัฐบาลไทยจะมาจากพรรคใด แต่การพูดคุยก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป และชาวบ้านเองก็เชื่อว่าถ้ากระบวนการเหล่านี้ทำด้วยความจริงใจแล้ว มันจะช่วยยุติปัญหาได้ ขอให้ทุกคนมาสร้างความเชื่อมั่นว่าการพูดคุยนั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาได้

ดาโต๊ะซัมซามิน กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำขบวนการบีอาร์เอ็นได้ระบุว่าตัวเองเป็นอดีตหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายบีอาร์เอ็นนั้น ตนยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ ส่วนกรณีที่จะมีตัวแทนขบวนการพูโลเข้าร่วมด้วยนั้น ก็ยังไม่ทราบว่ากี่คนและมีใครบ้างซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายขบวนการที่นำโดยบีอาร์เอ็นที่จะต้องไปตงลงกันเอง ฝ่ายมาเลเซียไม่สามารถที่จะไปกำหนดได้

ทั้งนี้ในการพูดคุยสันติภาพครั้งต่อไป จะเรียกว่าเป็นการพูดคุยระหว่างตัวแทนฝ่ายไทยกับฝ่ายประชาชนปาตานี โดยจะมีตัวแทนฝ่ายต่างๆเข้าร่วมคณะในการพูดคุยด้วย ทั้งบีอาร์เอ็น พูโล บีไอพีพี องค์กรพัฒนาเอกชน(เอ็นจีโอ) นักศึกษา กลุ่มสตรี คนไทยพุทธ เป็นต้น ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากสถานการณ์ในพื้นที่ที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมกับกระบวนการสร้างสันติภาพด้วย

ดาโต๊ะซัมซามิน กล่าวอีกว่า มีคนถามตนว่ายังคงมีเหตุการณ์ความรุนแรงอีก ทั้งที่ได้พูดคุยกันแล้วนั้น ตอบได้เลยว่า ปัญหาของทั้งสองฝ่ายคือยังไม่มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจร้อยเปอร์เซ็นทั้งสองฝ่าย ดังนั้นเป็นหน้าที่ของมาเลเซียในฐานะของผู้อำนวยความสะดวกที่จะสร้างความเชื่อมั่นของทั้งสองฝ่ายให้ทำงานต่อไป

“บทสรุปของทั้งสองฝ่ายคือต้องการสันติภาพ แต่แนวทางการได้รับสันติภาพนั้นย่อมแตกต่าง สำหรับฝ่ายรัฐบาลไทยมองว่า ความรุนแรงต้องยุติทั้งหมดจึงจะมีการตอบการร้องขอ  ส่วนสันติภาพของผู้ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยนั้นมองว่า ต้องได้รับการตอบสนองจากข้อตกลงก่อนจึงจะได้รับสันติภาพ มันจึงเป็นหน้าที่ของมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวก ที่จะหาข้อยุติร่วมกัน โดยเราจะมาเจอกันครึ่งทาง” ดาโต๊ะซัมซามิน กล่าว

“เราไม่ได้เข้าไปแทรกแซงหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาภายในของประเทศไทย แต่ในฐานะที่มาเลเซียเป็นเพื่อนบ้านกับประเทศไทย มาเลเซียมีสิทธิ์ที่จะทำงานตรงนี้ เราจะไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแน่นอน เพราะนั่นจะส่งผลกระทบกับเราแน่นอน  ดังนั้นมาเลเซียก็ต้องหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้ทุกคนอยู่รอดได้ รวมถึงเราด้วย โดยการหาแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อหาแนวทางให้ความเป็นธรรมกับคนในพื้นที่ รัฐบาลไทยและตัวของมาเลเซียเอง” ดาโต๊ะซัมซามิน กล่าว