ป.ป.ช.แจงความคืบหน้า คดี พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกลาโหม มติเอกฉันท์ร่ำรวยผิดปกติ สั่งถอนอายัดทรัพย์บางส่วนเหตุมีกลุ่มคนซื้อทรัพย์สินโดยถูกต้อง เตรียมส่ง อสส.สัปดาห์หน้าให้ศาลสั่งยึดทรัพย์ 296 ล้าน
6 ก.พ. 2557 ที่ห้องแถลงข่าว สานักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ โฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงถึงผลการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีสืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ กรณีเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม และ ดร.ณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลคาขวาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี แล้ว
มีมติว่า กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า พล.อ.เสถียร ร่ำรวยผิดปกติ ตามมาตรา 77 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งที่ 201/2555 ลงวันที่ 21 พ.ค. 2555 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมี ศ.พิเศษ วิชา เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน
ทั้งนี้ ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งตามมาตรา 78 ให้อายัดทรัพย์สินของ พล.อ.เสถียร นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ (คู่สมรส) น.ส.ณิชาพัฒน์ เพิ่มทองอินทร์ (บุตรบุญธรรม) และบุคคลอื่น ที่มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า จะเป็นผู้ถือทรัพย์สินแทนผู้ถูกกล่าวหา รวม 5 ครั้ง รวมมูลค่า 86,747,572.37 บาท โดยถอนอายัดทรัพย์สินในชื่อบุคคลอื่น จำนวน 17,657,736.64 บาท คงเหลือ 69,089,835.73 บาท
ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งที่ 59/2556 ลงวันที่ 26 ก.พ. 2556 สั่งให้ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 79 โดยให้แสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ณ วันที่ 19 ก.พ. 2556
คณะอนุกรรมการไต่สวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ พล.อ.เสถียร เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2556 ว่า ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ และมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ทั้งที่อยู่ในชื่อของ พล.อ.เสถียร นางณัฐณิชาช์ และในชื่อของบุคคลอื่น เป็นทรัพย์สินรวมมูลค่า 683,159,162.11 บาท
คณะอนุกรรมการไต่สวนได้ยึดหลักแจ้งข้อกล่าวหา เฉพาะรายการทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นหลังวันที่ 27 ก.พ. 2550 และทรัพย์สินที่นำไปฝากไว้ในชื่อของบุคคลอื่น เนื่องจากมีข้อจำกัดในระยะเวลาไต่สวน ที่ต้องให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินตามมาตรา 78 ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินก่อนวันที่ 27 ก.พ. 2550 ได้
พล.อ.เสถียร ได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นหนังสือ จำนวน 16 ครั้ง และชี้แจงด้วยวาจา 1 ครั้ง อ้างบุคคลเป็นพยาน 13 ปาก ต่อมาในระหว่างการพิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. พล.อ.เสถียร ได้มีหนังสือขอความเป็นธรรมและชี้แจงข้อเท็จจริง เพิ่มเติม และขอชี้แจงด้วยวาจาเพิ่มเติม จำนวน 7 ฉบับ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า หนังสือของ พล.อ.เสถียร ที่ชี้แจงเพิ่มเติม ไม่ได้กล่าวอ้างพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งคดี และมีบางเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่า พล.อ.เสถียร ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า ทรัพย์สินที่แจ้งข้อกล่าวหา มีที่มาจากเงินได้ของครอบครัวเพิ่มทองอินทร์ (กงสี) ซึ่งมาจากการให้เช่าพระเครื่องและพระบูชา จากการขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ และอัญมณี และรายได้อื่นๆ เห็นว่า คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ พล.อ.เสถียร รับฟังไม่ได้ในส่วนของการให้เช่าพระเครื่องพระบูชาและการขายอสังหาริมทรัพย์
ดังนั้น จึงมีมติว่า พล.อ.เสถียร ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ เป็นทรัพย์สินรวมมูลค่า 296,323,911.07 บาท
1. ทรัพย์สินในชื่อของ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์
1.1 บัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ จำนวน 9 บัญชี รวมเป็นเงิน 118,444,056.07 บาท
1.2 บัญชีเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ จำนวน 2 บัญชี รวมเป็นเงิน 1,034,683.53 บาท
1.3 หลักทรัพย์ในบริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มูลค่า 8,312,605.64 บาท
1.4 รถยนต์ 2 คัน รวมมูลค่า 2,500,000 บาท
2. ทรัพย์สินในชื่อของ นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ (คู่สมรส)
2.1 เงินลงทุนในสินค้าและวัตถุมงคล ร้านศิริมงคลช็อป มูลค่า 3,912,656 บาท
2.2 ที่ดิน จำนวน 16 แปลง รวมมูลค่า 25,900,000 บาท
2.3 สิ่งปลูกสร้าง จำนวน 3 แห่ง รวมมูลค่า 7,193,706.53 บาท
2.4 รถยนต์ 2 คัน รวมมูลค่า 4,600,000 บาท
2.5 อัญมณี จำนวน 5,620,000 บาท
3. ทรัพย์สินในชื่อของ นางสาวณิชาพัฒน์ เพิ่มทองอินทร์ (บุตรบุญธรรม)
3.1 บัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ จำนวน 8 บัญชี รวมเป็นเงิน 30,485,465.83 บาท
3.2 สลากออมสิน จำนวน 800,000 บาท
3.3 ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 3 แห่ง รวมมูลค่า 23,427,100 บาท
3.4 รถยนต์ 2 คัน มูลค่ารวม 4,750,000 บาท
4. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของบุคคลอื่น
4.1 เงินฝากในสหกรณ์ออมทรัพย์ จำนวน 1 บัญชี เป็นเงิน 27,720,000 บาท
4.2 ที่ดิน 4 แปลง รวมมูลค่า 3,400,000 บาท
ส่วนเงินที่เหลืออีกจำนวน 28,223,637.47 บาท เป็นการทำธุรกรรมโดยเงินสด ไม่สามารถติดตามได้ เนื่องจากถูกจำหน่ายจ่ายโอนไปแล้ว
เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งนำทรัพย์สินไปไว้ในชื่อของบุคคลอื่น จำนวนหลาย รายการ และที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้ มีจำนวนเพียง 69,289,835.73 บาท น้อยกว่าจำนวน ที่ขอให้ตกเป็นของแผ่นดินจำนวนมาก จึงมีมติให้อายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาและผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจำนวน 22 ล้านบาทเศษ เป็นการชั่วคราวตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555
นอกจากนั้น โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ มีมูลค่า 296,323,911.07 บาท ผู้ถูกกล่าวหาได้มีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนไปบางส่วน จนไม่สามารถติดตามได้ และทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งอายัดไว้ มีจำนวนเพียง 69,089,835.73 บาท น้อยกว่าทรัพย์สินที่ได้มา โดยร่ำรวยผิดปกติ ที่จะให้อัยการสูงสุดมีคำร้องต่อศาล เพื่อให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จึงมีมติให้แจ้งให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งยึด หรืออายัดทรัพย์สินของ พล.อ.เสถียร ผู้ถูกกล่าวหา ที่ยังคงมีอยู่และแสดงไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 79 เป็นการชั่วคราว ระหว่างการพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 (1) ด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติให้ถอนอายัดทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้อายัดไว้ชั่วคราวตามคำสั่ง ที่ 476–478/2556 ลงวันที่ 18 ธ.ค. 2556 ที่ พ.อ.ศุภฤกษ์ จรรจาวิจักษณ์, นายชลธี นันทะบุตร, จ.ส.ต.สมชาย จันทรักษ์ และนายประสิทธิ์ หมอทรัพย์ ซื้อจาก พล.อ.เสถียร และนางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า บุคคลดังกล่าวซื้อทรัพย์สินโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai