‘หม่อมอุ๋ย’ ร้อง ยิ่งลักษณ์-ครม.ลาออกรักษาการ เปิดทาง 'นายกฯ คนกลาง'บริหารประเทศ

เปิดจดหมาย ‘ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล’ ถึง ‘ยิ่งลักษณ์’ ให้ลาออกจากนายกรัฐมนตรีรักษาการ เปิดทางนายกรัฐมนตรีคนกลางบริหารประเทศ ชี้อยู่ต่อเศรษฐกิจยิ่งทรุด ระบุการขาดความเชื่อถือมีผลให้รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปได้

 

 

6 ก.พ. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดแถลงข่าวที่สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย พร้อมอ่านจดหมายเปิดผนึกที่เตรียมส่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเรียกร้องให้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ พร้อมคณะรัฐมนตรี เมื่อไม่สามารถบริหารประเทศให้ก้าวหน้าได้ เพราะความล้มเหลวของนโยบายที่เกิดจากความบกพร่องของรัฐบาล จนทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจให้บริหารประเทศ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ที่ยังไม่สามารถจ่ายเงินชาวนา จนชาวนาเดือดร้อนหนัก เพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีคนกลางที่ประชาชนยอมรับเข้ามาบริหารประเทศแทน ซึ่งรัฐธรรมนูญมีช่องทางให้สามารถดำเนินการได้หากการเมืองถึงทางตัน มีทางออกให้แต่งตั้งคนกลางได้ตามกระบวนการประชาธิปไตย

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ขอให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ลาออกโดยเร็วก่อนที่ปัญหาทางเศรษฐกิจจะรุนแรงมากขึ้น จนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะเสื่อมถอย ไม่เติบโตเลย ธุรกิจท่องเที่ยวจะยิ่งทรุดลงอีก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะตกต่ำลงจนไม่มีการลงทุน ซึ่งหากไม่มีการลงทุนเกิดขึ้น เศรษฐกิจประเทศจะเดินต่อไปไม่ได้ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ผู้นำที่ดีควรตัดสินใจทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ควรหาคำตอบว่าใครถูกใครผิด หยุดทิฐิ ควรนึกถึงผลประโยชน์ของประเทศให้รอดก่อน หยุดพักบ้างก็ไม่เป็นไร หากทำดีประชาชนก็จะเลือกเข้ามาบริหารประเทศใหม่

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า คนกลางที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ใช่ตนเอง ซึ่งการที่ตนออกมาแถลงเรียกร้องก็เท่ากับเป็นการตัดขาตนเองแล้ว โดยให้ถามประชาชนว่าต้องการใครที่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งมีอยู่หลายคน เช่น นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส โดยต้องเป็นคนที่ประชาชนเชื่อถือและศรัทธา วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการรัฐประหาร เดินบนดินด้วยกัน ไม่เดินใต้ดิน ใช้สติและความรักชาติอยู่ด้วยกัน เราหยุดตัวเราเองดีกว่า ถ้าเรารักประเทศชาติ

 

หากรัฐบาลนี้อยู่ ไม่สามารถเปลี่ยนนโยบายรับจำนำข้าว และสุดท้ายหาเงินมาให้ชาวนาไม่ได้ เพราะรัฐบาลถึงทางตัน ปิดประตูการหาเงิน เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ ต้องเปิดทางให้รัฐบาลใหม่เปลี่ยนนโยบาย แล้วบอกความจริงกับชาวนาว่าไม่มีเงินแล้ว ซึ่งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ชาวนานั้น รัฐบาลรักษาการต้องเสี่ยงกู้เงินเพิ่ม ซึ่งอาจผิดกฎหมาย เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ ส่วนแนวทางที่ 2 ให้รัฐบาลจ่ายชดเชยส่วนต่างจากต้นทุนการผลิตให้ชาวนา สำหรับข้าวปริมาณ 450,000 ตัน ที่เข้ามาร่วมโครงการ หลังปิดโครงการปี 2555/2556 ที่สิ้นสุดโครงการเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2556

 

"แม้ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งเมื่อในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ได้ แต่ยังพบว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศรวมทั้งจะเรียกความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจได้ ซึ่งเห็นได้จากเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงชะลอตัว แนวโน้มการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศมีความเสี่ยงหยุดชะงัก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศลดลง และอัตราการว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงมองว่าหากรัฐบาลยังรักษาการต่อไป จะทำให้เศรษฐกิจของไทยยิ่งแย่ลง"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

 

ในการแถลงข่าว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวการบริหารงานของรัฐบาล ที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ทุจริตคอร์รัปชั่น เริ่มจากโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิต 2555/2556 ที่มีหลายฝ่ายให้ข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้น แม้ว่าคณะอนุกรรมการปิดบัญชีจะออกมาเปิดเผยตัวเลขขาดทุนไม่สูงมากก็ตาม แต่รัฐบาลกลับเดินหน้ารับจำนำข้าวในฤดูการผลิต 2556/2557 โดยไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จึงถือเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลว เพราะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของตนเอง และไม่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายได้ รวมถึงยังเดินหน้าโครงการนี้ โดยไม่สนใจจะหาข้อมูลที่แท้จริง แต่กลับทำประเทศเสียหายเพิ่ม

 

ประการที่ 2 ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงพลังงานในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อขายให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าภูมิภาค จากเรื่องการใบอนุญาต โรงงาน (รง.4 ) ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆ แต่รัฐบาลก็ไม่ให้ความสนใจ ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวอีกเรื่องหนึ่ง

 

ประการที่ 3 การที่ประชาชน องค์กรเอกชน ไม่ตอบรับเข้าร่วมสภาปฏิรูปประเทศ เพราะไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะปฏิรูปอย่างจริงจัง ต่างกลัวรัฐบาลมีวาระซ่อนเร้น เป็นข้อพิสูจน์ว่าประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี