6 ก.พ. 2557 เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่าในการประชุมใหญ่เลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 จังหวัดกระบี่ ได้ประกาศอำลาชีวิตทางการเมืองเนื่องจากอิ่มตัวทางการเมืองแล้ว
พิเชษฐ ระบุด้วยว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ไปเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถลงคะแนนได้เพราะหน่วยเลือกตั้งปิด ทั้งนี้ ชี้ว่า การไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสิทธิ แต่การไปลงคะแนนเลือกตั้งเป็นหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ต่อไปการเมืองจะเป็นประการใดก็ตาม ขอสมาชิกอย่าไปขัดขวางการเลือกตั้งเด็ดขาด เพราะเราไม่เคยทำเช่นนี้
พิเชษฐ ระบุถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันด้วยว่า ขออภัยที่ไม่สนับสนุนให้ใครไปม็อบที่กรุงเทพฯ โดยระบุจากประสบการณ์ตลอดชีวิตทราบดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น พร้อมยกกรณีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมที่ผ่านมา และชี้ว่าไม่อยากเห็นการสูญเสียอีก
"ผมยอมให้คนกระบี่โกรธผมที่ไม่สนับสนุนให้ใครไปเสี่ยงความตายความพิการเช่นนั้น และจนบัดนี้ ใครก็อย่ามาขอสนับสนุนการเดินทางไปชุมนุมที่กรุงเทพฯจากผมเด็ดขาด บอกกล่าวไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาเสียใจกัน"พิเชษฐ ทิ้งท้าย
0000000
๕ กพ. ๕๗
ประชุมใหญ่เลือก กก.บริหาร ปชป. เขต ๓ จว.กระบี่
กล่าวปราศรัยกับสมาชิกในฐานะอดีต ส.ส.
1. ขอบคุณกก.บริหารชุดเก่า ผู้พ้นวาระพ้นวาระ ที่ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งตลอดมาในยามที่พรรคเป็นฝ่ายค้าน
2. กล่าวให้กำลังใจกก.บริหารชุดใหม่ ที่เป็นกก.บริหารชุดแรกในรอบ 22 ปี ที่เป็นสาขาพรรค ที่ไม่มี ส.ส.ในสภา
3. กล่าวอำลาการเมือง ในโอกาสวันที่ 5 ก.พ. 2014
อายุครบ 70 ปีตามทะเบียนบ้าน เพื่อดำรงสถานะอดีต ส.ส.ต่อไป เพราะอิ่มตัวทางการเมืองแล้ว
3.1 เป็น ส.ส.คนแรกของจังหวัดกระบี่ที่เป็น ส.ส.เขตติดต่อกันถึง 22 ปีโดยไม่เคยสอบตก
3.2 ไม่เคยทิ้งประชาชนและพื้นที่ไปเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งที่เป็นอดีตรัฐมนตรี และงานสบายกว่า
3.3 แจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ได้มาที่หน่วยเลือกตั้งเพื่อลงคะแนน แต่หน่วยเลือกตั้งปิด
ที่มาก็เพื่อปฎิบัติหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ต้องการละทิ้งหน้าที่ในโอกาสสุดท้ายที่กำลังจะจบชีวิตการเมือง ไม่ได้ตั้งใจกระทำการขัดกับหัวหน้าพรรคที่ประกาศไม่ไปเลือกตั้ง และไม่แจ้งเหตุผลต่อเจ้าหน้าที่ โดยส่วนตัวรักและชื่นชมหัวหน้าพรรคมาโดยตลอด
3.4 การไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสิทธิ แต่การไปลงคะแนนเลือกตั้งเป็นหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ต่อไปการเมืองจะเป็นประการใดก็ตาม ขอสมาชิกอย่าไปขัดขวางการเลือกตั้งเด็ดขาด เพราะเราไม่เคยทำเช่นนี้
3.5 ขอบคุณสมาชิกหลายคนที่ได้ร่วมงานกันมาตั้งแต่เป็นหนุ่มสาว จนวันนี้หลายคนตรงหน้าเริ่มแก่เฒ่ากันแล้ว
3.6 ในยามสูงอายุ เราจึงซาบซึ้งถึงความรักและผูกพันต่อบุตรหลาน
ต้องขออภัยที่ไม่สนับสนุนให้ใครไปม็อบที่กรุงเทพฯ
4 ประสบการณ์ตลอดชีวิตทราบดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
4.1 ไม่อยากเห็นภาพแม่นายวสุ สุฉันทบุตรที่ประคองใบหน้าลูกชายคนเดียวมองหน้าด้วยความอาลัยพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลจับขอบแว่นดำพรางดวงตาที่แดงกร่ำ หญิงม่ายผู้อดออมส่งเสียลูกคนเดียวจนจบการศึกษาชั้นปริญญาโทจากออสเตรเลีย หวังได้พึ่งพายามแก่เฒ่าฝากผีฝากไข้ แต่นายวสุ กลับทิ้งให้แม่ต้องมาทำศพลูกชายเสียเอง นายวสุจะเป็นวีรบุรุษของใครก็ตาม แต่เป็นคนใจดำ กับแม่ตนเองเกินไป ผมจึงไม่ไปงานศพเขา
4.2 ภรรยานายสุทิน มีบุตรอายุเพียง 5 ขวบ ดูเหมือนชื่อแก้วตา แต่วันนี้แม่ของแก้วตาต้องเป็นหญิงม่าย และแก้วตาต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ 5 ขวบ
4.3 นายประคอง มีลูกคนเล็กอายุเพียง 3 ขวบ ไม่รู้ว่าพ่อตายแปลว่าอะไร
4.4 ดาบตำรวจผู้ตายคนหนึ่ง ลูกชายที่อุ้มอยู่ในมือแม่ พยายามโยนตัวไปหาศพพ่อที่นอนตายอยู่ พร้อมปลุกพ่อให้ตื่นกลับบ้าน
4.5 น้องสาวที่เป็นแพทย์หญิงประจำ รพ. 2 แห่งใกล้ รามคำแหง แจ้งให้ทราบว่า ศพที่รามคำแหงมีสองศพ ผ่านมือเธอที่โรงพยาบาล
ศูนยนเรนทรรายงานว่า จนถึงวันนี้คนบาดเจ็บเกิน 600 คนแล้ว คนเจ็บที่ผ่านสายตาเธอต้องพิการตลอดชีวิตในลักษณะต่างๆหลายสิบราย
5. ผมยอมให้คนกระบี่โกรธผมที่ไม่สนับสนุนให้ใครไปเสี่ยงความตายความพิการเช่นนั้น และจนบัดนี้ ใครก็อย่ามาขอสนับสนุนการเดินทางไปชุมนุมที่กรุงเทพฯจากผมเด็ดขาด บอกกล่าวไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาเสียใจกัน
พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล
๐๕-๐๒-๕๗