พ.อ.วินธัย สุวารี แถลง ทบ. มีระบบเก็บอาวุธเข้มงวด และการปฏิบัติภารกิจของทหารไม่ติดอาวุธ แต่กังวลเพราะปืนที่ถูกยึดปี 53 ยังตามคืนไม่หมด ยันทหารอยู่ที่เกิดเหตุหลักสี่ยืนยันว่าการยิงปืนมาจากหลายทิศทาง ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนมีข้อสรุป ด้านเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ยันภาพมือปืนไม่ใช่การ์ด กปปส. เพราะไม่ติดบัตรประจำตัว
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงที่ผ่านมา ที่มีการวิจารณ์กลุ่มคนใช้อาวุธ ซึ่งดูมีความชำนาญพิเศษ รวมถึงอาวุธที่ใช้ มีลักษณะคล้ายของทางราชการทหาร ว่า อาวุธปืนบางชนิดมีใช้หลายหน่วย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นทหาร จึงขอให้มั่นใจว่า กองทัพบก มีระบบการเก็บรักษาอาวุธที่เข้มงวดมาก และการปฏิบัติภารกิจช่วงนี้ ไม่มีการนำอาวุธติดตัวออกปฏิบัติงาน สิ่งที่ยังเป็นข้อกังวลและต้องระวัง คือมีอาวุธปืนอีกจำนวนหนึ่ง ถูกผู้ชุมนุมเมื่อปี 2553 ยึดไป และยังติดตามคืนมาได้ไม่ครบ ซึ่งกองทัพบก จะประสานผู้เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการต่อไป สำหรับคดีเหตุปะทะที่เขตหลักสี่ ทหารที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ยืนยันว่า มีการยิงปืนจากหลายทิศทาง ขอตรวจสอบให้ชัดเจน ก่อนหาข้อสรุปนำเสนอ เพื่อให้พยานหลักฐานสมบูรณ์ที่สุด และเกิดการยอมรับจากสังคม
รองโฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า อยากขอความร่วมมือประชาชน หากมีหลักฐานในเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงของกลุ่มใดก็ตาม สามารถส่งมาได้ที่ศูนย์รวบรวมภาพ กองทัพบก email: camcont01@gmail.com หรือโทรศัพท์หมายเลข 083-188-7008 เพื่อเป็นข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
เช่นเดียวกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ที่ให้สัมภาษณ์ ข่าวสดออนไลน์ เมื่อ 2 ก.พ. ว่า เหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา บริเวณหลักสี่ ตำรวจเพิกเฉยและใส่ร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ว่าเป็นผู้กระทำ ถือเป็นการปฏิบัติงานสองมาตรฐาน ส่วนกรณีที่มีภาพปรากฏการ์ด กปปส.ถืออาวุธปืน ยืนยันว่าไม่ใช่การ์ด กปปส. และกำลังตรวจสอบบุคคลทั้งหมด ส่วนกรณีมีภาพการ์ดผูกผ้าสีเขียวขอยืนยันว่าไม่ใช่การ์ด กปปส. เวทีลาดพร้าว เพราะการ์ดจะต้องมีบัตรแสดงตัวสีดำและระบุชัดเจนว่าอยู่เวทีไหน และได้กำชับแล้วให้เลิกใช้ผ้าสีเขียวเนื่องจากคล้ายกับสื่อมวลชน