ชาวนาจังหวัดพิษณุโลกชุมนุมแยกอินโดจีน ร้องผู้ว่าและ ธกส.รับผิดชอบคำสัญญาเงินกู้ก่อนจำนำข้าว ระบุเงื่อนไข ธกส.ไม่เป็นไปตามที่รับปากไว้ทำให้ต้องรวมตัวกันมาเรียกร้องความเป็นธรรมก่อนกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้แกนนำชี้ชัดไม่เกี่ยวม็อบนกหวีด พร้อมโชว์ใบประทวนจำนำข้าว
27 มกราคม 2557 เวลา 10.00 น. ชาวนาในจังหวัดพิษณุโลกประมาณ 300 คนโดยมีนายชาตรี อ่ำพูล ชาวนาจากอำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลกเป็นแกนนำ ได้รวมตัวกันบริเวณสี่แยกอินโดจีนเพื่อเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้อำนวยการธนาคารการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)รับผิดชอบต่อคำสัญญาการให้กู้เงินเรื่องการผ่อนผันให้ชาวนาสามารถกู้เงินจาก ธกส.ก่อนการได้รับเงินค่าจำนำข้าวแต่เมื่อเกษตรกรเข้าไปติดต่อกับธนาคารแล้วกลับไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของธนาคารก่อน ซึ่งกินเวลาในการดำเนินการนานจนเกษตรกรไม่สามารถนำเงินไปใช้หนี้สินจากการลงทุนทางการเกษตรและใช้จ่ายในครัวเรือนได้ ตัวแทนชาวนาจึงได้ยื่นข้อเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับแจกเอกสารดังกล่าวให้กับสื่อมวลชนและพี่น้องเกษตรกรที่มาเข้าร่วมการชุมนุม
นางอุสนี ขุนทอง ตัวแทนชาวนาได้ให้สัมภาษณ์กับประชาไทว่า “จะขอข้าวคืนจากรัฐบาลแล้วนำไปขายให้โรงสีในราคา 9,000บาท แต่เราขอเป็นเงินสดในวันนี้และจะรอรัฐบาลคืนเงินที่เหลือให้เราเพราะรัฐบาลรับจำนำไว้ 15,000 บาท ได้หรือไม่ วันนี้ลูกต้องไปโรงเรียน จ่ายหนี้ ดอกเบี้ยแพงแสนแพง เราอยู่ไม่ได้แล้วเราจึงต้องออกมา เราไม่มีใครเลยมากันเองทั้งนั้น ตอนนั้นเขามากล่าวหาว่าเราไม่ใช่ชาวนาจริงๆ เรานี่แหละชาวนาจริงๆ”
ในระหว่างการปราศรัยนายชาตรีได้เน้นย้ำเสมอว่าการออกมาเรียกร้องครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับม็อบนกหวีดของกลุ่ม กปปส.แต่อย่างใด ไม่มีพรรคการเมืองหรือผู้นำชุมชนสนใจในปัญหาของเกษตรกรพร้อมยังสั่งห้ามไม่ให้ออกมาชุมนุมเรียกร้องกับรัฐบาล ขณะนี้มีแต่เกษตรกรเท่านั้นที่มาร่วมกัน หลังจากนั้นได้มีการโชว์ใบประทวนให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพยืนยันว่าทุกคนที่มานี้เป็นชาวนาที่แท้จริง พร้อมทั้งได้ปราศรัยเน้นย้ำว่า “นักการเมืองไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรชาวนาเลย เวลาเลือกตั้งก็รับปากอย่างโน้นอย่างนี้แต่เอาเข้าจริงไม่เคยเป็นปากเป็นเสียงให้เราเลย อย่ามาเหมาว่าเราเป็นพรรคไหนพวกไหน เราไม่เดือดร้อนเราไม่มาหรอก อย่าดูถูกชาวนา” หลังจากนั้นได้มีการยื่นคำขาดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมารับทราบข้อเสนอและจ่ายเงินค่าข้าวให้กับชาวนาหากไม่มีหน่วยงานใดมารับเรื่องร้องเรียนจะเดินเท้าไปยังบ้านจวนผู้ว่าเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป