สรยุทธ สุทัศนะจินดา ระบุตกเป็นเหยื่อของการสร้างความเกลียดชัง ถูกกล่าวหาว่าไม่รายงานข่าวชุมนุม-และบิดเบือน ยืนยันทำหน้าที่สื่อแบบมีมาตรฐาน-พร้อมรับผิดชอบ ไม่วิเคราะห์เป็นตุเป็นตะ-ไม่ใช่คู่กรณีในเหตุขัดแย้ง ย้ำ "การบิดเบือนสร้างความเกลียดชังเพื่อทำลายล้างผู้ที่ไม่ยอมเลือกข้างอย่างที่ตัวเองต้องการ ย่อมไม่ใช่วิถีของผู้ที่ต้องการประชาธิปไตยอันสมบูรณ์"
19 ม.ค.2557 เวลา 19.41 น. สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดังของไทยทีวีสีช่อง 3 เขียนข้อความลงอินสตาแกรม @sorrayuth9111 กล่าวถึงการถูกโจมตีในการทำหน้าที่สื่อมวลชนว่าตกเป็นเหยื่อของการปลุกความเกลียดชังจากหลายๆ กรณี
รายละเอียดมีดังนี้
"#อดทนครับ ... เป็นอีกครั้งที่การทำหน้าที่ "สื่อ"ของผม ต้องตกเป็น"เหยื่อ"ของการปลุกความเกลียดชัง ตั้งแต่การถูกกล่าวหาว่าผมรายงานจำนวนผู้ชุมนุมน้อยกว่าความเป็นจริง ทั้งที่ไม่เคยรายงาน จนนักข่าวของช่องเกือบถูกทำร้าย
ก่อนหน้านี้ก็ปลุกกระแสว่าผมไม่รายงานข่าวการชุมนุมหรือรายงานน้อยทั้งที่ผมก็รายงานตามความเคลื่อนไหวของข่าวหลายครั้งก็ใช้เวลาเกือบจะทั้งรายการแม้กระทั่งการรายงานข่าวแพนด้าในช่วงข่าวเด็กวันละ2-3 นาที ก็ถูกเอาไปปลุกกระแสบิดเบือนสร้างความเกลียดชังว่า นำเสนอข่าวแพนด้าวันละ 30 นาที
ล่าสุด ถูกบิดเบือนว่า ผมวิเคราะห์เหตุระเบิดที่บรรทัดทองในรายการเป็นตุเป็นตะว่า ระเบิดถูกโยนออกมาจากรถในขบวน ทั้งที่ผมไม่ได้พูดสักคำ ผมจำเป็นต้องชี้แจง เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งถ้า 1.ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ 2. ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพูด หรือ 3. ไม่มีข้อมูลคำพูดยืนยันจากแหล่งข่าวที่มีตัวตนชัดเจน โดยมาตรฐานการทำสื่อปกติที่มีความรับผิดชอบ ย่อมไม่สามารถวิเคราะห์เป็นตุเป็นตะได้อยู่แล้ว
การถูกนำไปพูดบนเวทีการชุมนุมซึ่งมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ออกไปสู่ผู้ฟังและผู้ชมที่กำลังเสียใจกับการสูญเสียชีวิตผู้ร่วมอุดมการณ์ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกโกรธแค้นเกลียดชัง แม้ผมจะได้ชี้แจงผ่านรายการในวันต่อมา พร้อมทั้งเปิดเทปรายการในช่วงดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้พูดเป็นตุเป็นตะอย่างที่ถูกพาดพิงกล่าวหาแล้ว แต่เข้าใจว่าผู้ฟังและผู้ชมการปราศรัยส่วนหนึ่งคงไม่ได้ติดตามรายการของผมดังจะเห็นได้จากการพาดพิงถึงผมหลายครั้งซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ก็ยังมีความเชื่อและยังพูดต่อๆ กันเรื่อยมา
ทุกครั้งผมทำได้แค่อดทน และอดทน โดยไม่โต้ตอบ เพราะคิดว่าในเหตุการณ์ความขัดแย้ง ผมเป็นสื่อ ไม่ใช่คู่กรณี ผมพร้อมจะรับผิดชอบและยอมรับ ถ้าได้นำเสนอเรื่องใดไปจริง แล้วจะมีผู้ไม่เห็นด้วย เพราะนั่นคือความเห็นต่าง แต่การบิดเบือนสร้างความเกลียดชังเพื่อทำลายล้างผู้ที่ไม่ยอมเลือกข้างอย่างที่ตัวเองต้องการ ย่อมไม่ใช่วิถีของผู้ที่ต้องการประชาธิปไตยอันสมบูรณ์"