ประชุมวิชาการวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ เสนอ ครม.กำหนดเป้าหมาย “ชุมชนจัดการระบบสุขภาพเข้มแข็ง เมืองไทยแข็งแรง” เป็นวาระแห่งชาติปี 2556-2558 มุ่งประชาชนสุขภาพดี มีตังค์ ยั่งยืน เตรียมพร้อมรับมือประชาคมอาเซียน
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.56 เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจัดงานประชุมวิชาการวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2556 และมีพิธีมอบรางวัลอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ดีเด่นกรุงเทพมหานคร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ อสม.ดีเด่นระดับจังหวัด พิธีประกาศเกียรติคุณผู้ประสานงานระดมทุนมูลนิธิ อสม.ได้ตามเป้าหมาย
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานในพิธีเปิดการประชุม กล่าวแสดงความยินดีกับ อสม.ที่ได้รับรางวัลประจำปีนี้ รวมทั้งขอบคุณ อสม.ทุกคนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลเอาใจใส่สุขภาพชาวบ้านในชุมชนด้วยความเสียสละ ภายใต้จิตอาสาในการทำงานอย่างจริงจังเพื่อประโยชน์ส่วนรวมโดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน โดยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาคัดเลือก อสม.ที่มีผลงานดีเด่น เพื่อมอบรางวัลเชิดชูเกียรติยกย่องคุณงามความดี และเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ อสม.ที่ได้รวมพลังทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
รมช.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า อสม.มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบสุขภาพชุมชน รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถของ อสม.ทุกคนให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยจัดฝึกอบรมฟื้นฟูความรู้ 3 ส่วนคือ เป็นนักจัดการสุขภาพชุมชน การอบรมความรู้เฉพาะทาง และอบรมด้านภาวะฉุกเฉิน เพื่อบรรลุเป้าหมายคือ ชุมชนจัดการระบบสุขภาพเข้มแข็ง เมืองไทยแข็งแรง โดยรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์การปฏิบัติงาน ให้ อสม.สามารถปฏิบัติงานเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายสูงสุดของชุมชนจัดการระบบสุขภาพเข้มแข็ง เมืองไทยแข็งแรงคือ สุขภาพดี มีตังค์ และยั่งยืน แนวคิดดังกล่าวถือเป็นรูปแบบใหม่ในการบริหารจัดการ ที่มีการนำศักยภาพภูมิปัญญาและการรวมพลังของชุมชนท้องถิ่นมาเชื่อมโยงให้เกิดการทำงานสอดคล้องกัน โดยต้องอาศัยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และปัญหาต่างๆ มาจัดทำแผนหรือโครงการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ในปี 2556-2558
“ส่วนในแง่ผลกระทบจากการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน คาดว่าจะมีแรงงานข้ามชาติหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น แน่นอนว่ามีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดทั้งโรคติดต่อที่สำคัญ โรคอุบัติใหม่ รวมทั้งโรคติดต่อที่ถูกกำจัดกวาดล้างหมดไปจากประเทศไทยแล้ว เช่น กาฬโรค ก็อาจกลับมาระบาดได้อีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง รวมทั้งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยมากขึ้น ก่อให้เกิดภาระต่อสถานพยาบาลภาครัฐเพิ่มมากขึ้น” รมช.สาธารณสุข กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึงผลกระทบทางบวกเรื่องการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนว่า เมื่อประเทศไทยมีชุมชนจัดการระบบสุขภาพเข้มแข็ง เมืองไทยแข็งแรงจะมีความได้เปรียบในการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันและจัดการปัญหาต่างๆ ได้ ส่วน อสม.ประชาชนและชุมชน สามารถพัฒนาเป็นครูและศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานสาธารณสุขมูลฐานได้ คนไทยมีโอกาสพัฒนาทักษะด้านภาษาและเทคโนโลยี ตลอดจนสร้างรายได้และเศรษฐกิจให้กับชุมชนอีกด้วย
ส่วน นาวาอากาศตรีบุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง อสม.มืออาชีพว่า มีขั้นตอนการพัฒนา อสม. 3 ระดับคือเริ่มจากการพัฒนาที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ระบบอาสาสมัครใหม่ให้เป็น อสม.ที่มีความรู้ทั่วไปในการดูแลสุขภาพในบริการที่จำเป็น 14 กิจกรรมของสาธารณสุขมูลฐาน
ขั้นต่อมาคือ การพัฒนาให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสิ่งที่ อสม.แต่ละคนสนใจ รัก และถนัดจำนวน 10 สาขา เรียกว่า อสม.เชี่ยวชาญ และขั้นสุดท้ายคือ การพัฒนาให้เป็นนักจัดการสุขภาพชุมชน ซึ่งมีความสามารถในการวางแผน การจัดการงบประมาณ และจัดกิจกรรมต่างๆ ในชุมชนให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai