เรียกร้องให้ทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบชีวิตของผู้ชุมนุม หยุดการยั่วยุ หยุดการสร้างความเกลียดชัง ความหวาดระแวง ระหว่างกลุ่มประชาชนฝ่ายต่างๆ หยุดการสร้างเงื่อนไขที่จะนำสู่ความรุนแรงในสังคมไทย กสม.เน้นทุกฝ่ายร่วมมือหาผู้ใช้ความรุนแรง คนจนฯยืนยันเลือกตั้งและปฏิรูปตามวิถี ปชต.ยุติความขัดแย้ง
๐๐๐๐
แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เรื่อง ขอประณามการใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์การชุมนุม เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557
จากเหตุการณ์การชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.)โดยจะมีการเดินรณรงค์ทั่วกรุงเทพมหานครต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุดในวันที่ 17 มกราคม 2557 จากการเดินรณรงค์เพื่อชักชวนให้ประชาชนมาร่วมการชุมนุม เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง โดยใช้ระเบิดสังหาร อาวุธสงครามที่บริเวณถนนบรรทัดทอง จนกระทั่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 39 ราย และเสียชีวิต จำนวน 1 ราย ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงสูงสุด
ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมมาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง อีกทั้งได้เน้นย้ำข้อวิตก กังวล และห่วงใยต่อสถานการณ์ที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดแนวทางสันติในการแก้ปัญหา เคารพสิทธิซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียและญาติมิตรในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเหตุการณ์เหล่านี้ยังดำเนินต่อไป คาดว่าจะนำไปสู่ความรุนแรง และความแตกร้าวยิ่งขึ้นในสังคมไทย จนยากที่จะเยียวยา อันเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยทุกฝ่ายไม่ปรารถนา
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนแก่ทุกฝ่ายเกี่ยวกับการใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุม และการใช้อำนาจของรัฐเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนคำนึงและสมควรดำเนินการตามข้อที่ควรปฏิบัติ ดังนี้
1. ผู้จัดการชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานร่วมกันในการสร้างระบบการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุม ตลอดจนมาตรการต่างๆ ในการเฝ้าระวังและป้องปรามผู้ไม่หวังดีที่ก่อสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชุมนุม หรือต่อผู้ชุมนุมขณะกำลังเคลื่อนขบวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีล่าสุด การปาระเบิดเข้าใส่ผู้ชุมนุมที่บริเวณถนนบรรทัดทอง ทำให้เกิดมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ทั้งนี้ ต้องระมัดระวังในจุดเสี่ยงต่างๆ ในบริเวณโดยรอบ เช่น ตึกสูง อาคารร้าง บริเวณสะพานลอย รถไฟฟ้า และสกายวอล์ค เป็นต้น
2. เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินคดีผู้กระทำความผิดก่ออาชญากรรมโดยอาวุธร้ายแรงต่อผู้ชุมนุมอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยต้องได้รับความร่วมมือจากผู้จัดการชุมนุม และควรมีองค์กรหรือบุคคลที่สามเข้าร่วม เพื่อให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกันในการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการสืบสวน และสอบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีเพื่อลงโทษตามกฎหมายในทุกเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงที่มีการสูญเสียชีวิต บาดเจ็บ และทรัพย์สิน โดยแถลงให้ประชาชนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริง และความคืบหน้าให้สาธารณชนได้รับรู้เป็นระยะโดยเร็ว
3. รัฐบาลต้องดูแลและป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ไม่ว่าความรุนแรงจะเกิดจากผู้ใด รัฐบาลจะปัดความรับผิดชอบมิได้ ต้องปฏิบัติภายใต้กรอบแห่งกฎหมาย และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล โดยจะต้องหลีกเลี่ยงและป้องกันมิให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นอีก
4. ผู้จัดการชุมนุมต้องรับผิดชอบในหลักประกันความปลอดภัยต่อการทำงานของสื่อมวลชนในที่ชุมนุม เพื่อมิให้มีการทำร้ายต่อสื่อมวลชน อันเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน
5.ผู้จัดการชุมนุมทุกกลุ่มทุกฝ่าย ต้องคำนึงถึงสิทธิเด็กและสตรีในการแสดงความเห็นบนเวทีไม่ควรใช้คำพูดและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการข่มขู่คุกคามเด็กหรือเยาวชนที่ปราศรัยบนเวที
6. รัฐบาลจะต้องให้การดูแลรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ การเยียวยาผู้เสียหาย ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่เสียชีวิตจากกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้เป็นมาตรฐานเพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยการให้หลักประกันว่าจะให้ความเป็นธรรมและเยียวยาทุกฝ่าย ทั้งในรูปเงินช่วยเหลือ การฟื้นฟู การช่วยเหลืออื่น ๆ และการเยียวยาด้านจิตใจโดยไม่เลือกปฏิบัติ
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายได้ใช้สติโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หยุดการเผชิญหน้าและหยุดการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทางออกที่ดีที่สุดคือกลับมาสู่การเจรจาโดยเร็วเพื่อนำความสงบและสันติสุขคืนสู่ประเทศไทย
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
19 มกราคม 2557
๐๐๐๐
แถลงการณ์สมัชชาคนจน ฉบับที่ 3
ขอประณามการใช้ความรุนแรง ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน
เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง สร้างสรรค์ประชาธิปไตย
สมัชชาคนจนขอประณามการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยฝ่ายใดก็ตามที่พยายามฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความปั่นป่วน ไม่ว่าด้วยการการใช้อาวุธปืนกราดยิง ปาระเบิด ปาประทัดยักษ์ เข้าไปในพื้นที่การชุมนุมของ กปปส. การปาระเบิดและใช้อาวุธปืนยิงถล่มบ้านแกนนำพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส. การปาระเบิดใส่ขบวนผู้ชุมนุม กปปส. ขณะเดินนำมวลชนเคลื่อนขบวนไปตามถนนบรรทัดทอง เมื่อบ่ายวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านา รวมทั้งการใช้ความรุนแรงต่อสื่อมวลชน ประชาชนทั่วไป ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการปิดกรุงเทพฯ ของ กปปส. ซึ่งการกระทำดังกล่าว มุ่งหวังที่จะจุดชนวนความรุนแรง และเป็นการสร้างเงื่อนไขให้มีการใช้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงควบคุมสถานการณ์เหมือนดังที่เคยเกิดขึ้นในปี 2549 นั้น
สมัชชาคนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดการยั่วยุ หยุดการสร้างความเกลียดชัง ความหวาดระแวง ระหว่างกลุ่มประชาชนฝ่ายต่างๆ หยุดการสร้างเงื่อนไขที่จะนำสู่ความรุนแรงในสังคมไทย อันเป็นการเปิดโอกาสให้อำนาจนอกระบบใช้เป็นข้ออ้างเข้าแทรกแซงควบคุมสถานการณ์และยึดอำนาจไปจากประชาชนและขอทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันหน้าเข้าหากันเปิดการเจรจาเพื่อร่วมกันหาทางออกจากวิกฤตทางการเมืองอย่างครั้งนี้อย่างสันติ ภายใต้หลักการคัดค้านการรัฐประหาร คัดค้านความรุนแรงทุกรูปแบบ และเคารพการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ โดยร่วมกันเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 และปฏิรูปประเทศไทยตามครรลองของหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
สมานฉันท์
สมัชชาคนจน
19 มกราคม 2557