จากการปราศรัยล่าสุดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าจะยกเลิกการเก็บข้อมูลเป็นวงกว้าง แต่ก็ยังไม่ถอดฐานข้อมูลเดิมทิ้ง ขณะเดียวกันก็ปกป้องการทำงานของ NSA และให้คำมั่นว่าจะห้ามการสอดแนมผู้นำประเทศอื่นๆ
18 ม.ค. 2557 ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยแผนการปฏิรูประบบสอดแนมขององค์กรความมั่นคง เรียกร้องให้ยกเลิกการเก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของชาวอเมริกันแบบครอบคลุมเป็นวงกว้าง ขณะเดียวกันก็กล่าวปกป้องการทำงานของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA)
โอบามากล่าวปราศรัยในเรื่องดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาของสหรัฐฯ ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ควรเก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์แบบครอบคลุมเป็นวงกว้างในสหรัฐฯ เอาไว้โดยอ้างว่าถือเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม โอบามาไม่ได้มีแผนการกำจัดฐานข้อมูลเดิมที่มีอยู่ แต่จะอนุญาตให้หน่วยข่าวกรองสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ โดยโอบามายังได้กล่าวปกป้องโครงการสอดแนมของ NSA อีกว่า "การที่ NSA ดักฟังโทรศัพท์หรืออ่านอีเมลของพวกคุณไม่ถือว่าพวกเขาใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ"และบอกอีกว่าทางการสหรัฐฯ ไม่สามารถยกเลิกการสอดแนมของหน่วยงานข่าวกรองแต่เพียงฝ่ายเดียวได้
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเดอะการ์เดียนชี้ว่า โอบามาไม่ได้กล่าวถึงกรณีที่ผู้พิพากษาศาลสืบราชการลับเคยระบุว่า NSA ได้กระทำการเกินอำนาจหน้าที่ซ้ำๆ อย่างเป็นระบบ และการปราศรัยล่าสุดของโอบามาจะยิ่งทำให้ NSA ได้รับความมั่นใจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้พลเมืองฝ่ายเสรีนิยมรู้สึกผิดหวังจากที่คิดว่าประธานาธิบดีของพวกเขาจะปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวจาก NSA มากกว่านี้
เดอะการ์เดียนยังได้ระบุถึงใจความสำคัญของคำปราศรัยของโอบามาอีกว่า มีการเรียกร้องให้หน่วยงานข่าวกรองทำเรื่องขออนุมัติการเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ของชาวอเมริกันจากศาลสืบราชการลับ และมีการให้ปฏิรูปศาลสืบราชการลับโดยตั้งกรรมการอิสระเพื่อลงความเห็นในคดีที่สำคัญ
โอบามากล่าวปราศรัยอีกว่า NSA จะต้องไม่สอดแนมผู้นำรัฐหรือรัฐบาลของประเทศที่เป็นพันธมิตร และบอกว่าจะมีการป้องกันไม่ให้ข้อมูลการสื่อสารของพลเมืองต่างประเทศเข้ามาติดอยู่ในการดักข้อมูลของหน่วยงานสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังบอกให้รัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิบัติงานให้มีมาตรฐานสูงกว่าบรรษัทเอกชนที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้หรือรัฐบาลต่างประเทศที่มีระบบสอดแนมข้อมูลของตนเอง
ในเรื่องฐานข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของชาวสหรัฐฯ โอบามาสั่งให้ อิริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ และคีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการของ NSA รวมถึงหน่วยงานข่าวกรองอื่นๆ ยื่นเสนอโครงการว่าใครควรจะเป็นผู้เข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าวนี้ ซึ่งเดอะการ์เดียนระบุว่าเป็นเรื่องที่ชวนให้ไตร่ตรองถึงผลกระทบทั้งด้านสิทธิความเป็นส่วนตัวและเรื่องความมั่นคง
รอน ไวเดน วุฒิสมาชิกกล่าววิจารณ์หลังการปราศรัยของโอบามาไว้ในทวิตเตอร์ว่า "พวกเราต้องนึกถึงว่าการเก็บข้อมูลส่วนตัวครอบคลุมเป็นวงกว้างเป็นการละเมิดสิทธิชาวอเมริกันตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้"
โดยก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เดอะการ์เดียนรายงานข่าวตามข้อมูลจากเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตคนทำงาน NSA ซึ่งระบุว่า NSA เก็บข้อมูลจากการส่งข้อความทางโทรศัพท์โดยเฉลี่ย 200 ล้านข้อความต่อวัน ด้วยโปรแกรมที่ชื่อ Dishfire แม้กระทั่งกับการสื่อสารที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายสอดแนมและไม่ได้มีหมายค้น
ทางด้านวอชิงตันโพสต์วิเคราะห์คำปราศรัยล่าสุดของโอบามาว่า แม้จะมีการจำกัดนิยามของ "การสอดแนม"ให้แคบลงโดยบอกว่าจะจำกัดวิธีการใช้ข้อมูลที่ดักเก็บจากประชาชน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลดขอบข่ายของการเก็บข้อมูลลง
อเล็กซานเดอร์ แอ็บโด ทนายความจากโครงการความมั่นคงแห่งชาติของสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (ACLU) กล่าวว่าโอบามาแค่พูดถึงโครงการเก็บข้อมูลโทรศัพท์เป็นวงกว้างเท่านั้น แต่ละเลยไม่ได้พูดถึงโครงการอื่นๆ ที่ถูกนำเสนอในสื่อ โดยแอ็บโดยังได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปกป้องประชาชนจากการเก็บข้อมูลเป็นวงกว้างเช่นนี้ในอนาคต
เรียบเรียงจาก
Obama presents NSA reforms with plan to end government storage of call data, The Guardian, 17-01-2013
http://www.theguardian.com/world/2014/jan/17/obama-nsa-reforms-end-storage-americans-call-data
Obama’s restrictions on NSA surveillance rely on narrow definition of ‘spying’, Washington Post, 18-01-2013
http://www.washingtonpost.com/world/national-security/obamas-restrictions-on-nsa-surveillance-rely-on-narrow-definition-of-spying/2014/01/17/2478cc02-7fcb-11e3-93c1-0e888170b723_story.html