‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ กกต.ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง ชี้สถานการณ์ไม่ปกติถ้าดึงดันให้มีเลือกตั้งจะเห็นนรกอยู่ตรงหน้า เผย กกต.ร่อนหนังสือเชิญนายกฯ ถกเลื่อนเลือกตั้งพรุ่งนี้ หากยังเฉยก็จะยื่นหนังสือเชิญทุกวัน
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ม.ค.2557 เวทีอภิปราย “เรื่องการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 กับการปฏิรูปการเมืองไทย” อาคารเฉลิมพระเกียริติ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) แจ้งวัฒนะ มีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง พร้อมด้วยนายยุทธพร อิสรชัย คณบดีสาขาวิชารัฐศาสตร์ มสธ. เข้าร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย
‘สมชัย’ จวกรัฐฯ เลือกสงคราม ดึงดันเดินหน้าเลือกตั้ง
นายสมชัย กล่าวว่า การจัดการเลือกตั้งคราวนี้ เป็นครั้งที่ยากที่สุดตั้งเคยมี กกต.มา มี กกต.มา 4 ชุด ไม่เคยมีชุดไหนแจ็คพ็อตเท่าชุดนี้ ทั้งที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเพียงไม่กี่เดือน หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไม กกต.ไม่ทำหน้าที่เดินหน้าจัดการเลือกตั้งอย่างเดียว ทำไมต้องวุ่นวายไปเป็นคนกลางในการเจรจากับคู่ขัดแย้ง ซึ่งตนเองอยากชี้แจงว่าในภาวะที่สถานการณ์ไม่ปกติเช่นนี้ ถ้าดึงดันให้มีการเลือกตั้งต่อไปเราก็จะเห็นนรกอยู่ตรงหน้า เนื่องจากเป็นการจัดการเลือกตั้งภายใต้ความขัดแย้งของสังคมโดยทุกคนพร้อมที่จะทำทุกอย่างที่ถูกและผิดกฎหมายที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ เช่นการไปขัดขวางการเลือกตั้งจนเกิดการปะทะและสูญเสีย
มีคนถามตนเองว่า กกต.เห็นคนทำความผิดทำไมไม่แจ้งความ ไม่กลัวถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือ อยากตอบว่า ในขณะนี้เรื่องกฎหมายกลายเป็นเรื่องรองมากกว่าความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ต้องตั้งคำถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่โดนข้อหากบฏมีโทษถึงประหารชีวิต เดินไปมาทั่วกรุงเทพฯ แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่กล้าจับกุมทั้งที่ข้อกล่าวหาแรงขนาดนั้น ก็เช่นเดียวกับกกต.ที่ยังไม่ดำเนินคดีกับผู้ที่ขัดขวางการเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องที่มีข้อสงสัยว่าทำไม กกต. จึงไม่ย้ายสถานที่ทั้งที่ถูกขัดขวาง ไม่เข้าไปรับสมัครในพื้นที่ทหารหรือตำรวจ แต่ในพื้นที่เหล่านั้นมีคลังแสงและมีอาวุธ ลองคิดดูถ้าหากมีการจลาจลจะเกิดอะไรขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม กกต.จึงไม่ย้ายสถานที่ ส่วนผู้สมัครที่ถูกขัดขวางก็ให้ไปแจ้งความดำเนินคดี
“เรื่องบางเรื่องที่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวมันกลายเป็นจลาจลได้แน่นอน ผมเคยได้ถาม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร.ว่า ในกรณีฉีกบัตรเลือกตั้งย่อมมีความผิดกฎหมาย แต่ถ้าเกิดวันเลือกตั้งมีคนฉีกบัตรเลือกตั้ง 5 พันคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกล้าจับหรือไม่ ถ้าหากไม่จับเชื่อว่าก็จะมีคนฉีกบัตรเพิ่มขึ้นเป็นแสนคน ซึ่งมันง่ายต่อการเกิดจลาจลมาก อีกทั้งลองคิดดูว่าหากไม่สามารถนับคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้เพียงหน่วยเดียว จะส่งผลให้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 125 คน ก็จะไม่สามารถประกาศรายชื่อได้ ปัญหาจะหนักยิ่งกว่าไม่มีผู้สมัคร” นายสมชัยกล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าหากจัดการเลือกตั้งต่อไปคงไปสำเร็จช่วงเดือน พ.ค. แต่จะเป็นการสำเร็จภายใต้ภาวะสงคราม ดังนั้นหากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปช่วงเดือน พ.ค. ช่วงเวลา 2-3 เดือนนี้ ก็พอมีเวลาปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมาย และทุกคนจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง โดยทุกคนพร้อมใจกันช่วยอย่างสันติ แต่รัฐบาลกลับเลือกสงครามที่ดึงดันเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งต่อไป
นายสมชัย ยังกล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปการเมืองว่า กปปส.เป็นกลุ่มคนจำนวนมากในสังคมที่มีความปารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมไปในทางที่ดีขึ้น รวมทั้งเป็นพวกที่หมดความศรัทธาต่อการเมืองและนักการเมืองในปัจจุบัน แต่ความคิดนี้อาจจะเร็วและค่อนข้างอยู่นอกกรอบกฎหมาย รูปแบบแนวคิดสภาประชาชนยังไม่น่าจะเป็นที่ยอมรับได้จากสังคม ต้องตั้งคำถามว่าข้อเสนอของกปปส.มันสามารถสะท้อนเสียงประชาชนได้จริงหรือไม่ แต่ดูแล้วมันยังไม่เป็นประชาธิปไตย นี่เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าถ้าต้องมีการปฏิรูปต้อง ต้องดูตั้งแต่องค์กรที่คิดปฏิรูป ซึ่งการปฏิรูปไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้นคืออยู่ที่ฝ่ายการเมืองต้องมองเรื่องการปฏิรูปอย่างถูกต้อง
“ขณะนี้ฝ่ายการเมืองมองเรื่องการปฏิรูปเป็นเพียงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือให้ตัวเองหน้าตาดี จึงอยากฝากบอกไปยังนายกรัฐมนตรีว่ามาประชุมกับ กกต.ได้ประโยชน์กว่าเยอะ ถ้าหากยังไม่มาก็จะส่งจดหมายเชิญไปอีกจะเปลี่ยนโรงแรมที่นัดคุยไปเรื่อยๆ ซึ่งสุดท้ายอาจจะเป็นโรงแรมโฟร์ซีซั่น นายกก็อาจจะมาหารือกับ กกต. อย่างไรก็ตาม นักการเมืองต้องอย่าผลักประชาชนลงถนน ถ้าเห็นว่าประชาชนเริ่มไม่พอใจในเรื่องใดก็ควรต้องรีบปรับตัว อย่าผลักให้ประชาชนเริ่มทำผิดกฎหมาย หากมีโอกาสแก้ไขก็รีบทำจะได้นำไปสู่ความสำเร็จในการปฏิรูป” นายสมชัยกล่าว
‘ยุทธพร’ ยันหลัก 1 คน 1 เสียง ชี้ประชาชนต้องการเลือกตั้ง
ด้านนายยุทธพร กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่สังคมถกเถียงกันไม่น้อย คือ จะเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่นั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่ต้องพิจารณา คือ เรื่องการรักษาหลักการและครรลองของระบอบประชาธิปไตย หลักของ 1 เสียง 1 คน ซึ่งในอดีตเราเคยเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายกันมากมาย ดังนั้นในทุกวันนี้คุณค่าของประชาธิปไตย คุณค่าของสิทธิเสรีภาพของประชาชน 1 สิทธิ 1 เสียง จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากประเมินค่าไม่ได้ และการเลือกตั้งยังสำคัญในภาคปฏิบัติ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาจากความรุนแรงมาสู่สันติวิธี เปลี่ยนให้การต่อสู้มาอยู่ในกติกา เปลี่ยนกระสุนปืนให้เป็นบัตรเลือกตั้ง ในทางเดียวกันการเลือกตั้งก็เป็นการขับไล่รัฐบาลแบบสันติวิธีด้วย
หากไม่ชอบพรรคเพื่อไทยก็ไม่ต้องเลือก ไปเลือกพรรคอื่นที่คิดว่าดีกว่า เพราะฉะนั้นการขับไล่รัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่มีแต่การชุมนุมเพื่อขัดขวางการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ส่วนอีกผลหนึ่งคือ ความต้องการในการใช้สิทธิของประชาชน ทุกวันนี้ยังไม่มีการทำประชามติว่าประชาชนต้องการเลือกตั้งหรือไม่ แต่เราอนุมานได้จากจำนวนสถิติแวดล้อมจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า อย่างน้อย 80-90 เปอร์เซ็นต์ประชาชนต้องการไปเลือกตั้ง
ส่วนมายาคติเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง มีคำถามว่าการซื้อเสียงเป็นปัญหาในเชิงพาณิชย์หรือเป็นปัญหาเชิงวัฒนธรรม การซื้อเสียงไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้าแต่เป็นการดูแลคนในชุมนุม จุดนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่ากระบวนการอุปถัมภ์ของประเทศไทย นี่เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข ดังนั้นปัญหาการซื้อเสียงทุกวันนี้ ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้ง่ายๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
นายยุทธพร กล่าวอีกว่า วันนี้การชุมนุมในประเทศไทยได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ซึ่งวิวัฒนาการชุมนุมในประเทศได้ก้าวหน้าไปกว่าประเทศอื่นมาก อาหรับสปริงนี่กลายเป็นเด็กๆ เมื่อมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย เพราะการชุมนุมในประเทศไทยนั้นได้มีการจัดเป็นองค์กรมีการบริหารจัดการที่มีระบบ ดังนั้นจึงสะท้อนให้เห็นว่าการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนมีสูงมาก
วันนี้การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะแก้ไขปัญหาการเมืองได้ เพราะการเมืองยังมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ต้องแก้ไข อย่างไรการปฏิรูปก็ต้องเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่มันมีความเห็นที่ต่างกันในเรื่องของเงื่อนเวลาว่าจะปฏิรูปก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง ซึ่งกรณีนี้ขอให้ประชาชนอย่าไปยึดติดเรื่องของเงื่อนเวลาแต่ควรจะกำหนดให้มีการปฏิรูปไปพร้อมๆ กับการเลือกตั้ง
นายยุทธพร กล่าวว่า ระยะหลังการมีส่วนร่วมทางการเมืองค่อนข้างจะไม่สร้างสรรค์ ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างประชาชนกับอำนาจรัฐ ไม่เหมือนเช่นตอนสมัยเดือนตุลา ซึ่งปัจจุบันนี้มันกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างประชาชน 2 ฝ่ายที่เห็นต่างกัน มุมมองและค่านิยมในเรื่องประชาธิปไตยระหว่างประชาชน 2 ฝ่าย จึงแตกต่างกัน การมีส่วนร่วมทางการเมืองจึงในทุกวันนี้จึงเป็นการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม การต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ หากในอนาคตเรามองย้อนกลับมา เราอาจหัวเราะในประวัติศาสตร์ว่าเราจะต่อสู้ไปเพื่ออะไร เพราะฉะนั้น เราควรที่ต้องตั้งต้นการปฏิรูปร่วมกัน ซึ่งจำเป็นต้องมีการทำพิมพ์เขียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้เข้าร่วมฟังการอภิปรายได้ซักถามนายสมชัย ว่าหากไม่มีการเลือกตั้งจะสามารถทำให้เกิดสงครามได้หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า การเลือกตั้งคราวนี้จะจบหรือไม่จบ ยังไม่รู้ ขอให้รอดูวันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้งจริงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยง หมิ่นเหม่ต่อการฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ในเรื่องกรอบระยะเวลาการเลือกตั้ง แต่ในขณะนี้ยังมีปัญหา 28 เขตเลือกตั้งที่ยังไม่มีผู้สมัคร และมีอีก 22 เขตที่มีผู้สมัครรายเดียว ก็จะส่งผลให้การเลือกตั้งเกินระยะเวลา 60 วัน มันต้องมีใครสักคนในประเทศที่อ่านประโยคนี้แล้วฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะที่หาเสียงเดินหน้าเลือกตั้งกันมาก็หมด เราจึงขอให้รัฐบาลคุยกับเราได้หรือไม่ ถ้ารัฐบาลบอกไม่เป็นโมฆะแล้วเราบอกเป็นโมฆะก็ให้มาคุยหาทางออกได้หรือไม่ อยากถามว่าขณะนี้เสี่ยงที่จะไม่มีประชาธิปไตยหรือไม่
ด้านนายยุทธพร กล่าวว่า ถ้าเลื่อนการเลือกตั้ง จะไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย อีกทั้งยังไม่มีกฎหมายรองรับ หากมีช่องทางตามกฎหมายหรือมีพิมพ์เขียวออกมาชัดเจนว่าระหว่างที่เลื่อนการเลือกตั้ง 4 พ.ค. จะมีการปฏิรูปก็คงเป็นไปได้ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีอะไรมายืนยันว่าจะมีการดำเนินการระหว่างที่เลื่อนการเลือกตั้ง ส่วนข้อกังวลเรื่องที่ไม่มีผู้สมัครหรือผู้สมัครไม่ครบก็ต้องรอให้ถึงวันที่ 2 ก.พ.ก่อน แล้วค่อยๆ ปลดล็อคแก้ไขปัญหากันไป มันมีกฎหมายที่สามารถให้ กกต.ดำเนินการได้
‘กกต.’ ร่อนหนังสือเชิญนายกถกเลื่อนเลือกตั้ง หลังผิดหวังไร้ท่าทีตอบรับ
ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า 16 ม.ค.57 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง ระบุ กกต. ได้ส่งหนังสือไปยัง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อเชิญมาหารือการเลื่อนวันเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ใช้วิธีประสานติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ไปยัง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีท่าทีตอบรับ
"เฉพาะเมื่อวานนี้ ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ ตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00-20.00 น. แต่ไม่มีการรับโทรศัพท์ ทั้งที่รู้ว่า เป็นเบอร์โทรศัพท์ของผม มีเพียงครั้งเดียวที่เบอร์ของนายสุรนันทน์รับ และบอกว่า เรื่องหน้าที่นี้เป็นความรับผิดชอบของ คุณพงศ์เทพ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ก็คงไม่ต่อสายไปอีกแล้ว"
นายสมชัย กล่าวว่า หากในวันพรุ่งนี้ การติดต่อไม่เป็นผลสำเร็จ ก็จะส่งจดหมายเชิญต่อไป ในวันจันทร์ ที่ 20 ม.ค. หากไม่ได้การตอบรับอีก ก็จะพยายามต่อไป พร้อมชี้แจงต่อสังคมเช่นนี้ ควบคู่ไปเช่นกัน
ส่วน กกต. จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องนี้ หากท้ายที่สุดไม่มีท่าทีใดๆ จากรัฐบาลหรือไม่นั้น นายสมชัย ระบุ ยังไม่อยากพูดถึงขั้นตอนนี้ ขอเป็นการหารือภายในระหว่าง กกต. เพราะยังไม่ใช่ประเด็นที่ขัดต่อกฎหมาย
กกต.พร้อมจ่ายชดใช้ค่าเสียหายสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น
เนชั่นทันข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2557 นายภุชงค์ นุตารวงศ์ เลขาธิการกกต.กล่าวถึงกรณีที่กทม.ได้ออกหนังสือให้ กกต.ชดใช้ค่าเสียหายที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ว่า ตนเองได้รับหนังสือจากทาง กทม.แล้ว ซึ่งก่อนที่ กกต.จะเข้าไปใช้สถานที่ ก็ได้มีการทำหนังสือไปยังปลัด กทม.เพื่อขอใช้สถานที่และกทม.ก็อนุญาต ซึ่งได้มีการเซ็นสัญญาว่าหากเกิดกรณีมีสิ่งของเสียหาย กกต.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นในเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายก็ไม่มีปัญหา กกต.จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตนเป็นผู้ที่เซ็นสัญญายอมรับเงื่อนไขเอง
อย่างไรก็ตามการชดใช้ค่าเสียหายนั้น ก็ต้องไปไล่เบี้ยจากผู้ที่กระทำ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ กกต. แต่กกต.จะไปไล่เบี้ยเองไม่ได้จึงต้องไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้หาตัวผู้กระทำการจนทำให้สิ่งของเสียหาย ส่วนที่ กกต.จะดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุหรือไม่นั้น ก็ต้องขอดูข้อเท็จจริงและความเหมาะสมก่อน แต่ถ้า กกต.ไม่ทำก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขัดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai