15 ม.ค.2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่า ที่สมาคมนักข่าวฯ เมื่อเวลา 10.30 น. นายธีรยุทธ บุญมี ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงแสดงความเห็นทางวิชาการ สุดท้ายของระบอบทักษิณ สร้างรากฐานใหม่ให้ประเทศไทย โดยระบุถึงต้นเหตุของการเกิดกระแสปฏิรูปประเทศและการปฏิวัติของประชาชน เพราะคนถูกกด มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่นักประชาธิปไตย เพราะปฏิเสธอำนาจรัฐไม่ว่ามุมใดๆ แต่ยังมองเห็นความสำคัญของรัฐที่ใช้เป็นเครื่องมือในการคอร์รัปชั่น จึงเน้นการแยกสลายและควบคุมบุคลากรของรัฐ เช่น การรื้อร้างระบบ โยกย้ายราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้พรรคพวกมีการประมูลตำแหน่งสำคัญ ทำลายวินัยทางการเงินการคลัง ระเบียบงบประมาณ เช่น การออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท
"จากที่ผมเคยรู้จักทักษิณมา เชื่อว่าทักษิณจะไม่กังวลต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อประเทศไทย และขอเปรียบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เปรียบเสมือนพญาแร้งดำแห่งเทือกเขาหิมาลัยที่กินได้ทั้งเนื้อสด เนื้อเน่า และเนื้อปรุง ที่มีสายตายาวไกล โกงกินได้ทั้งระบบเศรษฐกิจที่รุ่งเรืองและประเทศพังทลาย"นายธีรยุทธ กล่าว
นายธีรยุทธกล่าวว่า โรคระบาดคอร์รัปชั่นที่ทำให้สังคมเป็นอนาธิปไตยไปด้วยคือ การแตกเป็นพวกเป็นกลุ่ม ไม่ฟังความเห็นกัน ไม่เชื่อใจกัน แก่งแย่งอำนาจผลประโยชน์กันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งมวลมหาประชาชนของกลุ่ม กปปส. มองปัญหาทางการเมืองเป็น 2 ระดับคือ กลไกทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การตั้งรัฐบาล และระดับแก่นคื อประชาชนรวมกับประเทศ หรือรัฐ คือถ้ารัฐทำงานได้ดีก็จะช่วยค้ำประกันต่อชีวิต ทรัพย์สินได้ ดังนั้น จึงต้องการปฏิรูปโครงสร้างของรัฐ เพราะขณะนี้ประชาชนไม่เชื่อถือพรรคเพื่อไทยที่ผลักดันนิรโทษกรรมเอื้อประโยชน์ต่อนักการเมือง และการที่ประชาชนออกมาต่อสู้แบบไม่ยอมถอย เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบโดยตรง มีความกังวลเรื่องการขยายตัวอย่างไร้การควบคุมของการคอร์รัปชั่น
ขณะที่ความเป็นไปได้ของการคลี่คลายวิกฤตินี้มี 2 แนวทางใหญ่คือ 1.ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ไม่สนใจเรื่องการคอร์รัปชั่น การเปลี่ยนกลับไปกลับมาของพรรคเพื่อไทย รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะรักษาการไปจนถึงการเลือกตั้งใหม่และได้กลับมาเป็นอำนาจอธิปัตย์อีกครั้ง จะนำไปสู่ระบอบทักษิณโดยสมบรูณ์ และจะไม่มีการปฏิรูปที่เป็นจริงเกิดขึ้น 2.การเปลี่ยนแปลงในระดับการปฏิวัติ คือปฏิวัติโดยประชาชนขนานใหญ่ ซึ่งประเทศไทยไม่มีโอกาสที่จะมีกองกำลังติดอาวุธ เสียเลือดเสียเนื้อสูง เพราะมีกองทัพอยู่แล้ว รวมถึงสังคมไทยไม่ชอบความรุนแรง หรือการปฏิวัติแบบใหม่ คือสันติภิวัฒน์ ด้วยฉันทามติกดดัน เช่น การแก้ไขกฎหมาย แต่ยอมรับว่าการปฏิวัติทุกประเทศไม่ใช่เสียงทั้งหมดของประชาชน แต่เป็นเสียงที่มากที่สุดที่จะเป็นไปได้ และการปฏิวัติด้วยทหาร ซึ่งวิธีนี้อาจถูกคัดค้านจากทั้งฝ่าย กปปส. และกลุ่มคนเสื้อแดง
นายธีรยุทธยังมองว่า โอกาสที่รัฐบาลจะชนะมีน้อยมาก เพราะระบอบทักษิณเริ่มเสื่อมลง ประชานิยมของทักษิณเป็นประชาซาเล้งที่มี 3 ระดับคือ ต้นน้ำ แกนนำได้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ กลางน้ำคือ ลิ่วล้อได้ประโยชน์ และปลายน้ำคือ ชาวบ้านรากหญ้าได้เพียงเศษที่เหลืออยู่ ซึ่งวิกฤติครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องอาศัยนักวิชาการ แกนนำเสื้อแดง เพราะในอนาคตโครงสร้างอำนาจของพรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนจำเป็นต้องแบ่งปันอำนาจให้กลุ่มเหล่านี้
ขณะที่การปฏิรูปโครงสร้างใหม่ให้ประเทศก็เป็นเรื่องยาก ต้องใช้เวลา เพราะ กปปส. จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นนำทางเศรษฐกิจที่ไม่มีความกล้าที่จะเป็นผู้นำริเริ่มการเปลี่ยนแปลง จึงต้องรอให้ประชาชนลุกขึ้นสู้ ดังนั้น ขอเสนอแนะไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. คือต้องใช้ความอดทน มุ่งมั่นยืนหยัดการต่อสู้อย่างสันติ ขยายผู้สนับสนุน และการปฏิวัติแบบฉันทามติ จะเป็นไปได้ถ้าตัวแทนของคนไทยทั้งหมด ระดับแกนนำและชาวบ้านออกมาประกาศตนร่วมกันปฏิรูปประเทศ โดยไม่คาดหวังตำแหน่งหรือประโยชน์ใดๆ
"กปปส. สามารถประกาศอุดมคติที่ชัดเจนว่าจะเป็นเพียงผู้กระตุ้น ไม่ใช่เจ้าของหรือผู้นำอภิวัฒน์ของประชาชน ไม่ต้องขอมีส่วนกำหนดโควตาของคณะกรรมการ สมัชชา หรือสภาปฏิรูปของประชาชน ขอเพียงสิทธิที่จะจัดให้มีการตรวจสอบสาธารณะ เพื่อป้องกันระบบเก่าแฝงเข้ามาทำลายการปฏิรูปก็พอ"นายธีรยุทธ กล่าว
นอกจากนี้ กปปส. ยังต้องขยายนโยบาย ที่คิดได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทยที่อยู่มา 2 ปี คือกระจายอำนาจที่แท้จริงไปให้คนต่างจังหวัด โดยแนวคิดเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ขยายโครงสร้างงบประมาณ การใช้ทรัพยากรที่ทัดเทียม ซึ่งยุทธศาสตร์ของการต่อสู้นี้อาจเรียกว่า "ทฤษฎีมะม่วงหล่น"คือใช้ความอดทนยาวนาน รอให้ผลไม้หล่นลงมาเอง
อย่างไรก็ตาม นายธีรยุทธยืนยันว่า ผมขอสนับสนุนและขอเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปโดยประชาชน แต่จะไม่เข้าไปเป็นแกนนำ