พวงทอง ภวัครพันธุ์ ตัวแทน ครก. 112 วิพากษ์สภามองเรื่องสิทธิและเสรีภาพในแบบแคบและไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน ปกป้องตนเองมากกว่าจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงในระยะยาว
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ออกหนังสือยืนยันคำวินิจฉัยเดิมถึงนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ ตัวแทนคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก. 112) ซึ่งอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของประธานรัฐสภาที่วินิจฉัยจำหน่าย ร่างพ.ร.บ.แก้ไขมาตรา 112 โดยหนังสือยืนยันคำวินิจฉัยเดิมระบุด้วยว่าร่างดังกล่าวมีการแยกองค์ประกอบความผิด ลักษณะการกระทำความผิดที่ผ่อนคลายลงและอัตราโทษที่น้อยลง ย่อมจะทำให้การละเมิด กล่าวหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายได้โดยง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐได้ จึงไม่ใช่เงื่อนไขในการเสนอแก้กฎหมายตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และหมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ดังนั้น จึงไม่อาจเสนอร่างฯ ฉบับดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ ม.163 ได้
ด้าน พวงทอง ภวัครพันธุ์ นักวิชาการตัวแทนคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) กล่าวถึงกรณีที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยืนยันคำวินิจฉัยเดิมว่า กรณีนี้สะท้อนว่าสภามองเรื่องสิทธิและเสรีภาพในแบบแคบและไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นการปกป้องตนเองมากกว่าทำเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงในระยะยาว
นักวิชาการตัวแทน ครก.112 ยังวิจารณ์คำวินิจฉัยที่ชี้ว่า ม.112 เป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐไม่ใช่สิทธิเสรีภาพ ว่า “มันเป็นสิ่งที่แยกไม่ออก ในยุคปัจจุบัน เขาจะมองว่ามันเป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐ แต่ว่าความมั่นคงของรัฐที่วางอยู่บนการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ขัดกับระบอบประชาธิปไตย มันจะต้องถูกแก้ไข ในยุคปัจจุบันนี้คุณปฏิเสธไม่ได้สิทธิเสรีภาพเป็นหัวใจสำคัญของสังคม ดังนั้นความมั่นคงของรัฐมันจะไปละเมิดสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยของประชาชนไม่ได้”
“เราพยายามที่จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างเปิดเผยและถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมมากที่สุดในการแก้ไขปัญหานี้ แต่สภากลับปิดเส้นทางนี้ที่จะมีการแก้ไขอย่างเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เท่ากับผลักให้ประชาชนกลับใต้ดินกันต่อไป” พวงทอง กล่าว
สำหรับการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ ตัวแทน ครก.112 ยอมรับว่ามาถึงจุดที่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ จึงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปเนื่องจากถูกปิดหนทางจากสภา ทั้งที่ทำโดยถูกต้องโดยกฎหมายถูกปิดโดยสภาเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก
ทั้งนี้ ครก.112 ยื่น ร่าง พรบ.แก้ไขมาตรา 112 โดยมีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมลงรายมือชื่อ 30,383 คน ต่อประธานสภาไปเมื่อ29 พ.ค.55 แต่ถูกรัฐสภาจำหน่าย ร่างฯ ดังกล่าว ไปเมื่อ ก.ย.55
หนังสือยืนยันคำวินิจฉัยจาก เลขาธิการสภาฯ :