ศาลรธน.วินิจฉัยแก้ไขรธน. ม. 190 ลดทอนอำนาจรัฐสภา เพิ่มอำนาจฝ่ายบริหารในการทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศ ทำลายดุลยภาพการตรวจสอบถ่วงดุล จึงขัดรธน. ม. 68 ขณะที่ไต่สวนกรณีกู้เงิน 2 ล้านๆ ห่วงเปิดโอกาสทุจริต
8 ม.ค.2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ และนายจรัล ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคำร้องที่มีผู้เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ พ.ศ. ...) แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 190 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ โดยนายทวีเกียรติ กล่าวว่า คดีนี้ผู้ร้องได้ใช้สิทธิพิทักษ์คำร้องตามรัฐธรรมนูญ ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคำร้องได้ โดยในประเด็นความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาพบว่าการประชุมอภิปรายยังเหลือเวลาอภิปรายกว่า 8 ชั่วโมง ตามที่วิป 3 ฝ่ายตกลงกันไว้ แม้จะมีผู้ทักท้วง แต่ประธานในที่ประชุมได้สั่งปิดการอภิปรายและให้ลงมติรับหลักการ ส่วนการกำหนดกรอบเวลาแปรญัตติประธานในที่ประชุมได้กำหนดกรอบเวลาในการแปรญัตติเพียง 15 วัน
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เป็นเรื่องสำคัญและมีผลต่อการบริหาราชการแผ่นดิน การพิจารณาต้องทำด้วยความระมัดระวัง โปร่งใส มิใช่แก้เพื่อประโยชน์ของฝ่ายบริหารนำไปใช้โดยปราศจากการให้สมาชิกได้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย หากการพิจารณาไม่ฟังเสียงข้างน้อย ไม่เคารพต่อเสียงข้างน้อยย่อมเป็นเผด็จการเสียงข้างมาก ไม่ใช่รูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย การอภิปรายขั้นรับหลักการในวาระแรกซึ่งมีความสำคัญต่อการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ การพิจารณาจึงต้องให้ความสำคัญการให้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลายของสมาชิก แม้เสียงข้างมากจะมีสิทธิลงมติปิดการอภิปราย แต่ต้องไม่ไปตัดสิทธิการทำหน้าที่ของสมาชิก การรวบรัดปิดการอภิปรายและปิดประชุมจึงเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ศาลจึงเห็นว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 และมาตรา 125 วรรคแรก” นายทวีเกียรติ กล่าว
นายทวีเกียรติ กล่าวว่า ส่วนการกำหนดกรอบเวลาการแปรญัตติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ต้องมีเวลาให้สมาชิกที่ประสงค์จะแปรญัตติได้ใช้เอกสิทธิ์ในการแปรญัตติ การนับเวลาแปรญัตติไม่อาจนับย้อนหลังได้ แต่ต้องนับตั้งแต่วันที่มีมติรับหลักการในวาระแรก การที่คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนับเวลาย้อนหลังไปจึงขัดต่อข้อบังคับการประชุมและไม่เปิดโอกาสใหสมาชิกแสดงความคิดเห็น ถือเป็นการตัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 และมาตรา 125 วรรคแรก และวรรคสอง สำหรับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 เป็นรายมาตรา ศาลเห็นว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรค 2 และมาตรา 125 วรรคแรก และวรรคสอง
ด้านนายจรัล กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขโดยเพิ่มเติมเนื้อหาที่ไม่มีในร่างที่ผ่านการพิจารณาในวาระแรก ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอำนาจในการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งถือว่าคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจนี้แทนพระมหากษัตริย์ คณะรัฐมนตรีจึงต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การกำหนดให้คณะรัฐมนตรีฟังความคิดเห็นของประชาชนและชี้แจงการทำหนังสือสัญญา และกรอบเจรจาต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรีจึงต้องให้ประชาชนเข้าถึงรายละเอียดในหนังสือสัญญาเหล่านั้นด้วย การแก้ไขเนื้อหาที่ไม่มีในร่างที่ผ่านการพิจารณาในวาระแรก อาจนำหนังสือสัญญาฯ ไปตีความอย่างแคบหรือจำกัดความ ถือเป็นการลิดรอนอำนาจการตรวจสอบถ่วงดุลของรัฐสภาให้ลดน้อยลง แต่เป็นการเพิ่มอำนาจรัฐมนตรีให้มากขึ้น
“การกระทำดังกล่าวยังกระทบต่อหลักเกณฑ์แบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ถือเป็นการให้อำนาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้ตรวจสอบหนังสือสัญญาระหว่างประเทศก่อนลงนามกับต่างประเทศ การที่ผู้ถูกร้องร่วมกันแก้ไขถ้อยคำโดยตัดข้อความว่าหนังสือสัญญาออกไปโดยให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่กำหนดให้รัฐสภาเห็นชอบหนังสือสัญญาระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ทำให้การเจรจาล่าช้า หลักการและเหตุผลของผู้ถูกร้องดังกล่าวปราศจากน้ำหนักและไม่อาจนำมาอ้างได้ เพราะเคยแก้ไขรัฐธรรมนูญกำหนดประเภทของหนังสือสัญญาไว้แล้ว การที่ผู้ถูกร้องแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาในประเด็นนี้จึงเป็นการลดทอนอำนาจของรัฐสภา และเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายบริหารในการทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศ เป็นการทำลายดุลยภาพในการตรวจสอบถ่วงดุล การกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตร 3 วรรค 1และวรรค 2
“การที่ผู้ถูกร้องตัดเนื้อหาในบทบัญญัติดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และเป็นการกระทำเพื่อความสะดวกต่อกลุ่มบุคคลโดยไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิในการเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญา ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 122 ศาลลงมติด้วยเสียงข้างมากเห็นว่า การพิจารณาและลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีกระบวนการพิจารณามิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยกระบวนการของรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 และมาตรา 125 วรรค 1 ส่วนการแก้ไขโดยตัดเนื้อหาสำคัญ เป็นการกระทำเพื่อให้บุคคลหรือคณะบุคคลได้อำนาจในการปกครองประเทศมาโดยไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรญนูญ เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 4 และมาตรา 5 มาตรา 87 มาตรา 122 มาตราและยังเป็นการผ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 1” นายจรัล กล่าว
ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนกรณีกู้เงิน 2 ล้านๆ ห่วงเปิดโอกาสทุจริต
สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่าวันเดียวกัน เวลา 13.40 น.คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ต่อจากช่วงเช้า เพื่อไต่สวนพยานในคำร้องที่ประธานรัฐสภา ส่งความเห็นของสมาชิกรัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราขึ้น โดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัตแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่