ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หนุนเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 รวมถึงสนับสนุนการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลา
16 ธ.ค.2556 ที่อาคารศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ แถลงจุดยืนต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน โดย อัมพร จำปาทอง ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ระบุ ขปส.สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 2557 เพราะเป็นขั้นตอนสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และกติกาที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนให้มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ พร้อมระบุด้วยว่า การปฏิรูปคงไม่สามารถที่จะสำเร็จได้ในช่วงเวลา 1 ปี หรือ 2 ปี เพราะการปฏิรูปจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน โดยไม่ขัดแย้งต่อระบอบระชาธิปไตย และกติกาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งการปฏิรูปอาจนำไปสู่การปรับปรุงกติกาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปด้วย
ไพจิต ศิลารักษ์ ขปส. กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีมติว่าจะจัดเวทีประชาชนพบพรรคการเมืองปลายเดือน ม.ค.นี้ ทั้งนี้ เชื่อว่าต้องมีการเลือกตั้ง ไม่ควรมีเหตุผลหรือความชอบธรรมใด ที่จะทำให้ไม่เกิดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57
ส่วนกรณีการปฏิรูปนั้น ไพจิต ระบุว่า ต้องทำควบคู่กัน เพราะต้องสร้างหน่วยและองค์ประกอบที่จะปฏิรูปก่อน ต้องให้ความมั่นใจกับสังคมว่าหลังจากการเลือกตั้งแล้ว ประชาชนไม่ได้สิ้นสุดอำนาจลง แต่ต้องมีหลักประกันว่าทุกพรรคการเมืองจะร่วมกับสังคมในการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่ ต้องเดินหน้าโดยเริ่มจากคิดค้นองค์กร รูปแบบ และกระบวนการที่นำสู่การปฏิรูปประเทศ
ปราโมทย์ ผลภิญโญ ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน เสนอว่า กลไกกลางในการปฏิรูปประเทศไทยควรจะมาจากทุกภาคส่วน โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคการเมืองแต่ละพรรคควรมีข้อเสนอเรื่องการปฏิรูป แล้วให้ประชาชนได้กำหนดว่า แนวทางปฏิรูปควรผ่านนโยบายของพรรคการเมืองไหน เพื่อจะได้ไม่เกิดความแคลงใจต่ออำนาจในการปฏิรูป อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าพรรคการเมืองนั้นจะเป็นแกนในการปฏิรูปเท่านั้น แต่อาจเป็นผู้ประสานงานในการรับฟังความเห็นจากส่วนต่างๆ
ปราโมทย์ กล่าวว่า การปฏิรูปครั้งนี้อาจจะใช้เวลายาวนาน เพราะมีบางเรื่องซึ่งยึดโยงกับการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เช่น เรื่องการปฏิรูปที่ดิน ปัญหาสำคัญอยู่ที่ผู้กุมอำนาจเชิงโครงสร้าง นักการเมืองและทุนที่ครอบครองทรัพยากรของประเทศ เหล่านี้เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องวางจังหวะคุยกันให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นการปฏิรูปครั้งนี้จะไม่ทำให้ประชาชนไทยจัดการอำนาจและเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างเป็นธรรมอย่างแท้จริง และท้ายที่สุด จะเป็นวังวนของการใช้วาทะการปฏิรูป มาชี้ชวนให้ประชาชนลุกขึ้นมาขัดแย้งกัน แต่เนื้อแท้ของการปฏิรูป ไม่สามารถนำไปสู่การสร้างความเป็นธรรมของสังคมได้
อนึ่ง ขปส. ประกอบด้วย เครือข่ายสลัม 4 ภาค, สหพันธ์เกษตรภาคเหนือ (สกน.), เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.), สมัชชาคนจนกรณีเขื่อนปากมูล (สคจ.), เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.), เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด (คปบ.), สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.), เครือข่ายเกษตรพันธสัญญา, เครือข่ายสิทธิสถานะบุคคล และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล
00000
แถลงการณ์ฉบับที่ 41
เรื่อง ผ่าวิกฤติประเทศไทย เดินหน้าเลือกตั้ง ควบคู่การปฏิรูปประเทศไทย
ตามที่สถานการณ์ทางการเมืองที่อยู่ในสภาพวิกฤติแล้วในขณะนี้ โดยมีสาเหตุหลักคือความไม่เชื่อมั่นต่อพฤติกรรมของนักการเมือง และระบบการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมได้ออกมาเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่ นั้น
พวกเราขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ซึ่งเป็นเครือข่ายของเกษตรกรรายย่อยและคนจนที่ได้ รับผลกระทบจากการพัฒนาประเทศที่ผิดพลาดในอดีต อันเป็นปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทํากินและที่อยู่อาศัย ปัญหาที่เกิดจากการสร้างเขื่อน ปัญหาการไร้สิทธิสถานะและชาติพันธุ์ ปัญหาจากการสร้างเหมืองและโรงไฟฟ้า ปัญหาการทําเกษตรพันธะสัญญา รวมทั้งปัญหาความไม่เป็นธรรมจาก กระบวนการยุติธรรม ทั้งจากคนจนในชนบทและคนจนในเมือง
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ในฐานะหุ้นส่วนทางสังคม มีความเห็นต่อสถานการณ์วิกฤติทางการเมือง ดังนี้
1. การคอร์รัปชั่นที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย เกิดขึ้นจากการกระชับอำนาจไว้ที่นักการเมือง กลุ่มการเมือง ไม่กี่กลุ่ม ที่พากันฉกฉวย โอกาสและแย่งชิงทรัพยากรของส่วนรวมไป กลุ่มคนจน คนรากหญ้า คนชายขอบตกอยู่ในสภาพของผู้ถูกกระทำมาตลอด คนเหล่านี้ถูกบังคับให้จำนนต่อการเอาเปรียบมายาวนานในสังคมไทย
2. มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ ทั้งการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม การปฏิรูปเป็นการปรับเปลี่ยนและยกระดับ แนวคิด เนื้อหาและกฎเกณฑ์ต่างๆ ในอดีตที่ไม่สอดคล้องกับพัฒนาการความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงของสังคม
3. การปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้ คงไม่สามารถที่จะสำเร็จได้ในช่วงเวลา 1 ปี หรือ 2 ปี เพราะการปฏิรูปจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน โดยไม่ขัดแย้งต่อระบอบประชาธิปไตย และกติกาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งการปฏิรูปอาจนำไปสู่การปรับปรุงกติกาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปด้วย
ต่อสถานการณ์ดังกล่าว ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ขอแสดงจุดยืน ดังนี้
1. สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เพราะเป็นขั้นตอนสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และกติกา ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
2. สนับสนุนให้มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ครั้งใหญ่ ดังนี้
2.1 การปฏิรูปการเมือง ซึ่งขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ไม่เชี่อว่า การปฏิรูปการเมือง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือแม้แต่การจัดตั้งองค์กรทางการเมืองเพื่อถ่วงดุลอำนาจ จะเป็นหนทางเดียวที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างโดยรวมของสังคมไทย แม้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการปฏิรูปการเมือง แต่หากขาดการปฏิรูปโครงสร้างอื่นๆที่สำคัญ ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสังคมที่เป็นธรรมได้
2.2 การปฏิรูปเพื่อการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นและชุมชน
2.3 การปฏิรูปการจัดการและการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ
2.4 การปฏิรูปที่ดิน
2.5 การปฏิรูปอำนาจตุลาการและกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันในขณะนี้คือการดำรงอยู่ของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย แตกต่างกันเพียงบางแง่มุม ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องจัดการเลือกตั้งขึ้น ควบคู่ไปกับการปฏิรูปครั้งใหญ่ จึงน่าจะเป็นทางออกที่จะนำสังคมไทยออกจากภาวะวิกฤติได้ในขณะนี้
อนึ่ง ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) จะได้แถลงรายละเอียดการปฏิรูปตามข้อเสนอข้างต้นในเวทีที่จะจัดให้พรรคการเมืองได้ร่วมรับฟังข้อเสนอต่างๆจากภาคประชาชนต่อไป
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)
16 ธันวาคม 2556