Quantcast
Channel: พันศักดิ์ วิญญรัตน์
Viewing all articles
Browse latest Browse all 14385

จับ 2 ผู้ต้องหาเผารถบัสหน้าราม อ้างแค่ฉกของปัดเอี่ยวม็อบ

$
0
0

ตร.ประชุมเร่งรัดสืบสวนสอบสวนคดีฆ่าและวางเพลิงย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง รวม 24 คดี แจงจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าไปวางเพลิงเผาทรัพย์รถบัสและมีผู้เสียชีวิตได้แล้ว

11 ธ.ค.2556 เฟซบุ๊กแฟนเพจทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “Policespokesmen” รายงานว่า เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ10 ได้ประชุมเร่งรัดสืบสวนสอบสวนคดีฆ่าและวางเพลิงย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พ.ค.- 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบสวนสอบสวนออกเป็น

1. คณะกรรมการด้านการสืบสวน นำโดยพลตำรวจโท หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และ พลตำรวจตรี รณศิลป์ ภู่สาระ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทีมงานจากตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจนครบาล เข้ามาดูแลเรื่องการสืบสวนโดยเฉพาะ

2. คณะกรรมการด้านการสอบสวน นำโดยพลตำรวจเอก เอก อังสนานนท์ ได้เข้ามากำกับดูแลด้วยตนเอง และมอบหมายให้ พลตำรวจตรี วิทยา ประยงค์พันธ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 เป็นหัวหน้ากำกับดูแลเรื่องสำนวนการสอบสวน ดังนี้

2.1 คดีสำคัญ 5 คดี ได้แก่

- คดีที่มีผู้เสียชีวิตจากการถูกยิง 4 คดี และ

- คดีที่มีผู้เสียชีวิตจากเพลิงไหม้ในรถโดยสารจำนวน 1 คดี

2.2 สำหรับคดีอื่นๆที่ได้รับคดีไว้แล้วอีก 19 คดี ได้แก่

- คดีพยายามฆ่ากรณีถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 8 ราย

- ทำร้ายร่างกาย 8 ราย

- ทำให้เสียทรัพย์ 2 ราย และ

- วางเพลิง 1 ราย

พล.ตร.อ. จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาสัญญาบัตร10 แถลงข่าวความคืบหน้าคดีไฟไหม้รถโดยสารปรับอากาศ บริเวณหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย ติดกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าไปวางเพลิงเผาทรัพย์รถโดยสารปรับอากาศ และมีผู้เสียชีวิต โดยภาพจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปรากฏภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ มีลักษณะการสวมใส่เสื้อผ้าตามที่ปรากฏตามภาพข่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ภาพเพิ่มเติมจากพลเมืองดี พบว่าบริเวณโดยรอบรถโดยสารปรับอากาศก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้นั้น มีชายฉกรรจ์อยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนนับสิบคน โดยตำรวจได้นำภาพดังกล่าวมาขยายผล จะปรากฎภาพชาย 3 คน คนหนึ่งอุ้มโทรทัศน์ คนที่สองอุ้มเครื่องขยายเสียง และคนที่สาม ถือเครื่องขยายเสียงและชุดไมโครโฟน

ซึ่งจากการสืบสวนติดตาม ทำให้ทราบว่า  ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คน นั้นประกอบด้วย นายเบนซ์ นายต้าร์ นายหรั่งหรือจิมมี่ ซึ่งต่อมาสามารถจับกุมได้ในที่สุด โดย นาย อดิสรณ์ สีจันทร์ผ่อง หรือ นายต้าร์ อายุ 29 ปี ซึ่งจากการตรวจค้นบ้านในซอยวัดเทพลีลา พบเครื่องขยายเสียง ซึ่งเป็นของกลางที่ได้มาจากรถโดยสารปรับอากาศก่อนเกิดเพลิงไหม้ซ่อนไว้ในตุ่ม นอกจากนี้ยังตรวจพบเสื้อผ้า-กางเกงยีนส์ ที่ปรากฎในภาพในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจน นอกจากนี้รถจักรยานยนต์ที่พบในภาพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจยึดเพื่อขยายผล ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเข้าไปลักทรัพย์ พร้อมทั้งตรวจพบเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุในตู้เสื้อผ้า โดยได้ส่งตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ไอเอ็นเอ็นรายงานด้วยว่าอีก 1 คน เป็นเยาวชน โดยทั้ง 2 คน ให้ภาคเสธ ยอมรับว่า เข้าไปร่วมเหตุการณ์และลักทรัพย์จริง แต่ไม่ได้เป็นผู้ลงมือเผารถบัส รวมถึง ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมตั้งแต่แรก

เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ทั้ง 2 คน ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและลักทรัพย์ โดยส่งให้พนักงานสอบสวน สน.บางชัน รับไปดำเนินคดี รวมถึงจะได้ติดตามผู้ร่วมก่อเหตุที่เชื่อว่ามีอีกกว่า 10 คน มาดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้เนชั่นรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.00 น. นายอดิสรณ์ มีบ้านอยู่ในซอยรามคำแหง 39 (ซอยวัดเทพลีลา)ได้ชวนนายหรั่ง (เยาวชน) ซึ่งอยู่บ้านใกล้กันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง ของตนออกไปซื้อบุหรี่บริเวณหน้า ม.รามฯ และอยากไปดูการชุมนุมด้วย โดยได้ขี่รถไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มที่ปากซอยรามคำแหง 61 หลังจากกดเงินมีกลุ่มวัยรุ่นหลายคนโดนคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเด็กอาชีวะขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา และชวนไปร่วมทุบทำลายรถบัสซึ่งจอดอยู่ที่หน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย นายอดิสรณ์ และนายหรั่ง ได้ร่วมกันขึ้นไปบนรถกับพวกที่กำลังทุบทำลายทรัพย์สินและเผารถ นายอดิสรณ์ และนายหรั่ง ได้ถอดเครื่องเสียงออกจากรถคันดังกล่าวแล้วนำกลับไปไว้ที่บ้าน ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้พร้อมของกลาง โดยถูกควบคุมตัวสอบสวนอยู่ที่ สน.หัวหมาก

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

Viewing all articles
Browse latest Browse all 14385

Trending Articles