โฆษก กปปส. ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอทำประชามติของยิ่งลักษณ์ ชินวัจตร ระบุรัฐบาลสิ้นสภาพไปแล้วเพราะไม่รับอำนาจศาล รธน. ยืนยันเคลื่อนขบวน 9 ธ.ค. และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภา-ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อให้เกิดสุญญากาศ จะได้ใช้มาตรา 3 ตั้งสภาประชาชน
หลังจากที่นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวเมื่อเวลา 12.30 น. ประกาศว่าพร้อมยุบสภาหรือลาออก และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินหาทางออกโดยการทำประชามตินั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)ต่อมา มติชนออนไลน์ รายงานว่า เวลา 15.00 น. ที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แถลงข่าวต่อกรณีข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่านายกรัฐมนตรี เลิกโยนความผิดให้กับประชาชน เพราะปัญหาทั้งหมดเป็นปัญหาที่ระบอบทักษิณสร้างไว้ และการแถลงของนายกฯ ไม่มีอะไรใหม่ เป็นการเล่นลิ้นตบตาประชาชน เพื่อให้ประชาชนตายใจ เพื่อรักษาอำนาจตัวเองเอาไว้ เป็นการซื้อเวลาเท่านั้น เพื่อรักษาอำนาจตัวเองไว้ เพราะที่ผ่านมานายกฯ ไม่เคยรับผิดชอบและขอโทษประชาชน หรือทำอะไรที่เป็นรูปธรรม มิหนำซ้ำยังโกหกประชาชน เช่น การออกกฎหมายล้างผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ชายตนเอง
"วันนี้รัฐบาลและรัฐสภาสิ้นสภาพและหมดความชอบธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามกฎหมาย เพราะไม่เคารพกฎหมายจากการปฏิเสธไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐบาลและรัฐสภาหมดความชอบธรรมทางการเมืองแล้ว ส่วนการทำประชามติเป็นการดูถูกประชาชน ไม่เข้าใจประชาชน เพราะสาเหตุที่ประชาชนออกมาต่อต้านระบอบทักษิณวันนี้ เพราะประชาชนต้องการแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ไม่ต้องการเป็นทาสระบอบทักษิณและต้องการปฏิรูปประเทศ"นายเอกนัฏกล่าว
ทั้งนี้โฆษก กปปส. ยังคงยืนยันที่จะชุมนุมในวันที่ 9 ธ.ค. จะเป็นการชุมนุมอย่างเปิดเผย อหิงสา ปราศจากอาวุธและเปิดพื้นที่ให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเป็นสักขีพยานว่า และระบุว่า กปปส. ได้ก้าวข้ามการให้รัฐบาลยุบสภาหรือว่าลาออกไปแล้ว เพราะเราต้องการให้ประชาชนมาจัดการปัญหาด้วยตัวของประชาชนเอง โดยการตั้งสภาประชาชน
นายเอกนัฏกล่าวด้วยว่า เสนอให้ นายกฯ จะต้องยุบสภาและลาออกจากการเป็นนายกฯ รักษาการด้วย เพื่อนำไปสู่สูญญากาศทางการเมือง จากนั้นจึงเปิดโอกาสให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 3 เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนจัดตั้งสภาประชาชนขึ้นมา
ชูวิทย์ประกาศไม่เห็นด้วยกับสุเทพทุกเรื่อง และคิดต่างไม่ได้หมายความว่าเป็นศัตรูกัน
ขณะเดียวกันวันนี้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.ฝ่ายค้าน พรรครักประเทศไทย ได้โพสต์บทความ "จุดยืนของชูวิทย์"ระบุว่า
จุดยืนของผมชัดเจน เพราะไม่มีแม้แต่ครั้งเดียว ที่ผมจะแสดงว่าเข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ผมอยู่ตรงนี้ และทำหน้าที่ของผม การที่ผมไม่แสดงตัวว่าอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าผมไม่มีจุดยืน เพียงแต่ผมเบื่อที่จะต้องมาทะเลาะ และขัดแย้งกันอยู่ร่ำไป
จริงอยู่ รัฐบาลมีอำนาจมากเกินไป และย่ามใจกับอำนาจ เพราะรัฐบาลคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมาสองปี การบริหารงานราบรื่น จึงนำเอากฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ทั้งยังเร่งรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกพรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน
อย่างที่เขาบอก มีอำนาจมาก ก็ใช้อำนาจอย่างสิ้นเปลือง นี่ยังไม่พูดถึงบรรดาข้าราชการ ที่พยายามเอาใจรัฐบาลและเล่นการเมือง ทั้ง "มีวันนี้เพราะพี่ให้"และ "DSI คุณธาริต"
ไม่มีสักครั้ง ที่ผมจะโหวตแตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ ผมโหวตตามพรรคประชาธิปัตย์ทุกครั้ง แม้ว่าผมไม่เคยได้ร่วมประชุมกับพรรคประชาธิปัตย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว
นี่เป็นเพราะเสียงของผม มีสัดส่วนที่น้อยเกินไป
พรรคประชาธิปัตย์มีเสียงสู้รัฐบาลไม่ได้ มันเป็นคณิตศาสตร์ง่ายๆ ตัวเลขที่น้อยกว่า ย่อมแพ้ไปโดยปริยาย "น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ"แตกต่างจากพรรครัฐบาลที่ใครๆก็ต้องการเข้าร่วม ไม่ว่าคุณบรรหาร คุณสุวัจน์ หรือแม้กระทั่งพรรคการเมืองบางพรรคที่เป็นฝ่ายค้าน แต่ทำตัวเข้าข้างรัฐบาล
ผมไม่ไว้ใจคุณทักษิณ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมไว้ใจคุณสุเทพ ผมอยู่ในสภาฯ ย่อมรู้อะไรลึกซึ้งกว่าประชาชนคนธรรมดา แต่ผมไม่โทษใคร เพราะการเมืองไม่มีผิดหรือถูก อยู่ที่ความคิด ความเชื่อของแต่ละคน
พ่อผมเคยบอกว่า "จะเสียมารยาทมาก ถ้าเอาเรื่องการเมืองหรือเรื่องศาสนามาคุยกันบนโต๊ะอาหาร"
ผมเป็นพวก "ไทยอดทน"ไม่ใช่ "ไทยเฉย"ผมรับฟังทั้งสองฝ่ายมามาก อดทนกับความขัดแย้งนี้มานาน และถ้าปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายผลัดกันขึ้นผลัดกันลงแบบนี้ มันจะเป็นแบบที่คุณเห็น ไม่จบไม่สิ้น ผมอดทนเงียบ และฟัง เป็นเพราะว่าเสียงของผมมันน้อยนิด ที่สำคัญ ผมไม่ชอบเล่นนอกกติกา
ดังนั้น จุดยืนของผมชัดเจนมั่นคง ตรงไปตรงมา หากผมจะเข้ามาหาประโยชน์ ผมจะไม่ประกาศตัวเป็น "ฝ่ายค้าน"ตั้งแต่เลือกตั้ง ผมไม่ได้ต้องการมีอำนาจ แค่อยากมาทำงานให้บ้านเมือง
ผมไม่จำเป็นจะต้องเข้าข้างฝ่ายใด หากคุณอยากให้ผมไปอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ขอให้เลือกพรรคฝั่งนั้นเลยดีกว่า ผมไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ ผมผิดด้วยหรือที่ไม่ได้เข้าข้างใคร?
ผมเป็นหัวหน้าพรรครักประเทศไทย และผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการของคุณสุเทพ ที่ไปบุกโน่นปิดนี่ จัดตั้ง "สภาประชาชน"เพราะมันไม่ถูกต้องตามกติกา
ผมต่อต้าน พรบ.นิรโทษกรรม แต่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งนายกฯมาตรา 7 ผมเห็นด้วยที่คุณสุเทพออกมาต่อสู้ข้างนอก มันเป็นความกล้าหาญ ประกาศตัวตนชัดเจน และเป็นสิทธิของคุณสุเทพ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับ "ทางลัด"ที่เริ่มก้าวออกห่างจากคำว่า "ประชาธิปไตย"
กติกามันมีอยู่ว่า เมื่อบ้านเมืองเดินไม่ได้ นายกฯต้องลาออก หรือไม่ก็ยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง พรรคการเมืองต้องใช้นโยบายมาต่อสู้ตอนหาเสียง เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก ตามวิถีทางประชาธิปไตย
แต่วิธีการของคุณสุเทพ เป็นการอ้างอำนาจของประชาชนเพื่อขับไล่รัฐบาล และนำอำนาจนั้นมาอยู่กับตัวเอง จัดตั้งสภาประชาชนด้วยตัวเอง แบบนี้ผมไม่เห็นด้วย
ผมมีอุดมการณ์ของผม ผมจึงตั้งพรรครักประเทศไทย ผมกับคุณอาจมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณกับผมจะเป็นศัตรูกัน
ล่าสุดมีรายงานช่วงเย็นวันที่ 8 ธ.ค. ว่าชูวิทย์ ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. แล้ว โดยเป็นการลาออกตามที่เคยระบุว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ลาออกจะลาออกตาม