4 ธ.ค.53 มูลนิธิศักยภาพชุมชนออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับการแก้ไขปัญหาที่คลี่คลายไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
รายละเอียดมีดังนี้
แถลงการณ์มูลนิธิศักยภาพชุมชนต่อกรณีสถานการณ์ทางการเมือง ฉบับที่ 3
“ขอแสดงความยินดีกับการแก้ไขปัญหาที่คลี่คลายไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม”
สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเกิดเหตุการณ์จราจลปะทะกันระหว่างประชาชนบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงในระหว่างช่วงบ่ายวันที่ 30พฤศจิกายน ถึงกลางคืนวันที่ 1 ธันวาคม อันนำมาสู่การเสียชีวิตของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็กการแห่งชาติจำนวน 3 ราย และนักศึกษารามคำแหงอีก 1 ราย และอีกศพที่เสียชีวิตในซากรถที่ไหม้และยังไม่สามารถระบุได้ รวมทั้งทรัพย์สินที่เสียหายอีกจำนวนหนึ่ง กรณีการปะทะกันระหว่างมวลชนที่พยายามบุกยึดทำเนียบรัฐบาลและกองบัญชาการตำรวจนครบาลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรึงกำลังเพื่อรักษาสถานที่ราชการทั้งสองแห่งไว้ ทั้งในช่วงกลางวันของวันที่ 1 ธันวาคม และช่วงกลางวันของวันที่ 2 ธันวาคม จนถึงเวลาย่ำรุ่งของวันที่ 3 ธันวาคม เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางจำนวนหนึ่ง มีรถขังผู้ต้องหาของตำรวจถูกเผาได้รับความเสียหาย ๒ คัน การสั่งถอนกำลังตำรวจซึ่งตรึงไว้โดยรอบกองบัญชาการตำรวจนครบาลและทำเนียบรัฐบาลในเช้าวันที่ 3ธันวาคมและปล่อยให้ผู้ชุมนุมสามารถเข้าถึงพื้นที่ต้องการได้โดยไม่มีการขัดขวาง ทำให้อารมณ์คุกกรุ่นของผู้ชุมนุมอ่อนลง และเปลี่ยนไปสู่อีกอารมณ์ที่เป็นมิตรทำให้ความรุนแรงลดลงได้ มูลนิธิศักยภาพชุมชนมีจุดยืนและข้อเสนอดังนี้
1. ชื่นชมความยึดมั่นต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐนิติธรรมของรัฐบาลไทยนำโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะในช่วงเวลาของความขัดแย้งและในสถานการณ์อันแหลมคมที่พร้อมจะนำไปสู่ความรุนแรงที่นำมาซึ่งความสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินของชาติจำนวนหนึ่ง การยึดมั่นต่อหลักนิติรัฐนิติธรรมนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งได้โดยยืนอยู่บนหลักการการเคารพความแตกต่างทางความคิด หลักสิทธิมนุษยชน ความจริงใจในการแก้ไขปัญหา และหลักสันติวิธี ส่งผลให้มีความสูญเสียน้อยที่สุด ต่างจากกรณีการชุมนุมทางการเมืองในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งรัฐบาลในขณะนั้นได้ยกระดับความรุนแรงที่ใช้กับผู้ชุมนุมขึ้นจนก่อให้เกิดความสูญเสียอันประเมินค่ามิได้ซึ่งยังส่งผลกระทบมาจนถึงทุกวันนี้ การตัดสินใจใช้กองกำลังตำรวจในการควบคุมสถานการณ์แทนที่จะใช้กองกำลังทหารอย่างเช่นที่รัฐบาลต่างๆที่ผ่านมา ถือเป็นความก้าวหน้าในการจัดการปัญหาของรัฐบาลและไม่ทำให้สถานการบานปลาย การยอมถอนกำลังตำรวจเพื่อเปิดทางให้ผู้ชุมนุมในช่วงเช้าวันที่ 3 ธันวาคมนั้นถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและน่าชื่นชมยิ่งที่รัฐบาลเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการยกระดับความรุนแรงกับประชาชน และประกาศพร้อมจะเสียสละ ไม่ยึดมั่นในตำแหน่งหน้าที่ หากการลาออกของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีจะช่วยแก้ปัญหาของประเทศชาติได้
2. ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่มีความอดทนอดกลั้นต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างถึงที่สุดโดยยึดหลักสากลของการควบคุมและสลายการชุมนุมแม้จะเป็นฝ่ายตั้งรับมาตลอด สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่ประชาชน แต่เจ้าหน้าที่หลายนายได้รับบาดเจ็บ มูลนิธิศักยภาพชุมชนขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของผู้เสียชีวิตทุกท่านในเหตุการณ์ครั้งนี้ และขอแสดงความยินดีกับประชาชนที่ในที่สุดแล้วสามารถทำความเข้าใจ ให้อภัยและเป็นมิตรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีดังเหตุการณ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเช้าวันที่ ๓ ธันวาคม
3. ถึงแม้ว่าสถานการณ์ด้านการเผชิญหน้าจะลดความตึงเครียดลงไปบ้างแล้ว แต่สถานการณ์ความขัดแย้งยังคงคุกรุ่นอยู่ มูลนิธิฯ ขอเรียกร้องให้มีการเจรจากันระหว่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยให้มีคนกลางที่เป็นที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในการเจรจา นายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีที่ยินดีพร้อมรับการเจรจาอย่างไม่มีเงื่อนไข จึงขอเรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยอมรับข้อเสนอการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันตามที่หลายๆ ฝ่ายเสนอมาเพื่อให้ประเทศชาติสามารถเดินหน้าต่อไปได้ตามอารยวิถี
4. มูลนิธิฯไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลรักษาการที่มาจากการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีพระราชทาน รวมถึงข้อเสนอของกลุ่มใดใดที่มีเนื้อหาและข้อเรียกร้องที่ไม่ยืนอยู่บนหลักประชาธิปไตย ไม่เคารพหลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักธรรมาภิบาลและสันติวิธี
5. สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2556 นี้ เป็นบทเรียนของสังคมไทยรวมทั้งรัฐไทยต่อการจัดการกับความเห็นต่างและความขัดแย้งทางการเมือง มูลนิธิฯมีความเห็นว่าความสับสนที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสังคมประชาธิปไตยครั้งสำคัญยิ่งของประเทศไทย ซึ่งพิสูจน์ว่าถึงที่สุดแล้วประชาชนไทยมีความอดทนและอดอกลั้น สามารถรับฟังความเห็นต่างและสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งรุนแรงได้ในที่สุด ขอให้ความเจ็บปวด รวดร้าวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียต่อไปในอนาคต และขอให้ประชาชนไทยใช้สติและปัญญาในการดำรงชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความสมัครสมานสามัคคี
มูลนิธิศักยภาพชุมชน
4 ธันวาคม 2556