องอาจ คล้ามไพบูลย์ เตือน 'สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์'ไม่ควรปิดกั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรียกร้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ตาม รธน. ชี้ 310 ส.ส. ควรแสดงความรับผิดชอบจากการลงมติ กม.นิรโทษกรรม
17 พ.ย. 2556 - สำนักข่าวแห่งชาติรายงานเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเรื่องตามขั้นตอน โดยมีการยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เข้าข่าย ซึ่งประธานวุฒิสภา ระบุ ต้องตรวจสอบรายชื่อผู้ร่วมยื่นถอดถอนภายใน 15 วัน และนำเรื่องดังกล่าวส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช. ต่อไป
ส่วนการยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ได้ยื่นเรื่องต่อ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ได้รับการปฎิเสธโดยอ้างว่าเอกสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาที่จะปิดกั้นไม่ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีหน้าที่ที่จะเปิดดูคำร้อง เพราะเป็นเพียงผู้ที่จะนำเรื่องที่ได้รับส่งต่อไปตามขั้นตอนเท่านั้น พร้อมเรียกร้องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร ควรเปิดโอกาสให้พรรคฝ่ายค้านได้ทำตามหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และฝากไปยังรัฐบาลว่า ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านมีสิทธิยื่นเรื่องถอดถอนและอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
นายองอาจ ยังกล่าวถึงร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ว่า วันนี้ยังค้างอยู่ในสภาตามกำหนดเวลา 180 วัน หลังจากที่วุฒิสภามีมติไม่รับร่างดังกล่าว และส่งคืนกลับมายังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมีประชาชนเป็นจำนวนมากที่ออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วย จนทำให้รัฐบาลต้องถอนร่างดังกล่าวออกไป แต่คงเป็นเพียงยุทธวิธีการลดกระแสคัดค้านของประชาชนเท่านั้น ทั้งที่มีช่องทางที่รัฐบาลสามารถที่จะทำให้กระบวนการกฎหมายตายไปจากสภาได้ แต่รัฐบาลก็ไม่ดำเนินการ ซึ่งวันนี้ยังไม่มีใครรับรองได้ว่า รัฐบาลหรือบุคคลในรัฐบาลจะไม่หยิบยกร่างดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาอีก ซึ่งทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ การถอยของรัฐบาลเป็นยุทธวิธีไม่ได้เป็นการถอยเพราะมีจิตสำนึกผิดชอบ ดังนั้นจึงไม่เห็นมีบุคคลใดในรัฐบาลออกมาแสดงความสำนึกรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ เพราะฉะนั้นบุคคลที่ร่วมลงมติเห็นชอบในร่างดังกล่าวทั้ง 310 คน กรรมาธิการเสียงข้างมากที่เป็น ส.ส. และไม่เป็น ส.ส. ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น