รมต.ต่างประเทศของรัสเซียเผยจะนำหลักฐานเรื่องกลุ่มกบฏซีเรียใช้อาวุธเคมีนำเสนอต่อที่ประชุมความมั่นคงยูเอ็น ขณะที่กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์วิเคราะห์รายงานยูเอ็นออกมาเป็นแผนภาพ แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ว่าการโจมตีสองแห่งอาจมาจากฐานทัพของทหารฝ่ายรัฐบาล
18 ก.ย. 2013 - หลังจากที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยรายงานจากการลงพื้นที่ตรวจสอบว่ามีการใช้แก๊สซารินจริงในการโจมตีเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ซึ่งแม้ว่ายูเอ็นจะยังไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้ แต่ล่าสุดรัสเซียอ้างว่ามีหลักฐานเอาผิดฝ่ายกบฏ
โดยก่อนหน้านี้ทางสหรัฐฯได้กล่าวหาว่า รัฐบาลซีเรียเป็นผู้ก่อเหตุ ขณะที่ทางรัสเซียพยายามปฏิเสธและคัดค้านการใช้มาตรการทางทหารกับซีเรียมาโดยตลอด
เซอกี ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า มีหลักฐานจำนวนมากที่ชี้ว่ากลุ่มกบฏมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมี รวมถึงในกรณีการโจมตีที่ย่านกูตาในกรุงดามาสกัส และกล่าวอีกว่าจะมีการนำเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
โดยก่อนหน้านี้ เซอกี เรียปคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียอ้างว่าเขาได้รับหลักฐานจากทางการซีเรียที่แสดงให้เห็นว่าว่าฝ่ายกบฏเป็นผู้กระทำการ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยหลักฐานดังกล่าวโดยอ้างว่าพวกเขาต้องนำไปวิเคราะห์ก่อน เรียปคอฟยังได้กล่าวหาว่า รายงานที่มาจากสหประชาชาติบิดเบือนและเอนเอียง
"ถ้าให้พูดอย่างเบาคือพวกเรารู้สึกผิดหวังเกี่ยวกับวิธีการที่เลขาธิการสหประชาชาติและคณะผู้ตรวจสอบใช้ โดยการเขียนรายงานอย่างคัดเลือกเฟ้นและไม่สมบูรณ์"เรียปคอฟกล่าว
โอเก เซลสตรอม หัวหน้าคณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาคิซึ่งเป็นคนเขียนรายงานกล่าวว่า คำวิจารณ์ของรัสเซียพูดถึงเรื่องกระบวนการทำงานมากกว่าเรื่องตัวรายงานเอง และถือว่าเป็นการวิจารณ์ด้วยเหตุผลทางการเมือง
คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
ฮิวแมนไรท์วอทช์เสนอแผนภาพความเป็นไปได้ว่าจรวดเคมีจะมาจากฐานทัพฝ่ายรัฐบาล
ขณะเดียวกัน โจช ลีออน นักวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมจากองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อรายงานของยูเอ็นเช่นกันว่า แม้ทางยูเอ็นจะไม่ได้ระบุตัวผู้กระทำการชัดเจน แต่ลักษณะทิศทางของจรวดที่ระบุไว้ในรายงานของยูเอ็นชี้นำให้คิดว่าฝ่ายรัฐบาลซีเรียเป็นผู้กระทำการ และน่าจะสามารถระบุตำแหน่งที่มีการยิงจรวดบรรจุแก๊สซารินได้
โดยฮิวแมนไรท์วอทช์ นำเสนอแผนภาพซึ่งสร้างโดยอาศัยข้อมูลจากรายงานของยูเอ็น ระบุว่าการโจมตีเขตพื้นที่ไอน์ทาร์มา และพื้นที่โมอาดามิยาห์ น่าจะมีที่มาจากฐานทัพของกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐซีเรียซึ่งเป็นกองกำลังฝ่ายรัฐบาล อยู่ห่างจากพื้นที่ทั้งสองแห่ง 9.6 และ 9.5 กม. ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า แผนภาพดังกล่าวเป็นเพียงการนำเสนอความเป็นไปได้และยังไม่ถือเป็นข้อสรุป นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้มีการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ โดยขอให้ทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย นำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการศาลอาญาระหว่างประเทศในฐานะส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา
เรียบเรียงจาก
Russia will give UN 'proof' of Syria rebel chemical use, BBC, 18-09-2013
http://www.bbc.co.uk/news/world-middle-east-24140475
Dispatches: Mapping the Sarin Flight Path, Human Right Watch, 17-09-2013
http://www.hrw.org/news/2013/09/17/dispatches-mapping-sarin-flight-path
Syria crisis: Regime has given Russia 'proof' of rebel chemical weapon use, The Independent, 17-09-2013
http://www.independent.co.uk/news/world/europe/syria-crisis-regime-has-given-russia-proof-of-rebel-chemical-weapon-use-8822185.html