ระบุจะให้สถาบันฯ เป็นเหมือนอังกฤษหรือประเทศตะวันตก ต้องดูคุณภาพของประชากรก่อน ยืนยันคนไทยยังไม่พร้อมเรื่องวิจารณ์สถาบันฯ และแม้แต่เรื่องประชาธิปไตย เพราะยังไหว้ลูกแมวในไส้กรอก ระบุอย่าประเมินสถาบันฯ ต่ำเกินไป มีการปรับตัวให้เข้ากับสังคมไทยตลอดเวลาอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นปัญหาต่อประชาธิปไตย
หลังจากที่เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ บุตรชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เขียนบทความ "ตอบโจทย์ พ่อง(พ่อมึง)เหรอ!"ถึงนายภิญโญ ไตรสุริยธรรม ผู้ดำเนินรายการ "ตอบโจทย์ประเทศไทย"ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และต่อมาในเพจ "ตอบโจทย์ประเทศไทย"ได้มีการโพสต์บทความ "จิตตนาถ ลิ้มทองกุล ที่ผมรู้จัก"ลงชื่อท้ายบทความว่า "ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา อดีตบรรณาธิการนิตยสาร OPEN"และระบุท้ายบทความว่าเป็นการ "ส่งไมตรีมาถึงเพื่อนเก่า"และชวนนายจิตตนาถจิบชารำลึกความหลังโดยเขียนว่า "เมื่อถึงเวลาฟ้าสว่าง เราต่างออกจากความขัดแย้ง ผมจะมีโอกาสได้นั่งจิบชากับคุณจิตตนาถรำลึกความหลัง โดยไม่ต้องมีความเชื่อที่เรายึดถืออยู่เป็นหัวโขน"(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
"จิตตนาถ"ตอบโจทย์ "ภิญโญ"ระบุไม่กล้าเชื่อว่าภิญโญเป็นรอยัลลิสต์ เพราะเพื่อนของภิญโญเป็นซ้าย
ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 19 มี.ค. เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ดำเนินรายการโดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV นายจิตตนาถได้กล่าวว่าเนื้อหาของรายการดังกล่าวไม่ได้มีอะไรเลย เป็นเพียงการตอบสนองแนวคิดในการจำกัดบทบาทของสถาบันฯ ต้องการทำให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ เราจะเห็นได้ว่ารายการตอบโจทย์เอาประเด็นของสถาบันฯ มาพูดบ่อยมาก แล้วก็เอานักวิชาการที่จะเสนอให้มีการเปลี่ยนหรือแก้ไขมาตรา 112 มาออกบ่อยมากเมื่อเทียบกับประเด็นการเมืองประเด็นอื่น
นายจิตตนาถกล่าวต่อว่า ตนเป็นเพื่อนเก่าของนายภิญโญ จะรู้ว่าแวดวงของนายภิญโญประกอบไปด้วยใครบ้าง และเขาจะสนิทกับนักคิดนักเขียนมากหน้าหลายคน ซึ่งนายภิญโญก็ออกมาแก้ตัวผ่านทางเฟซบุ๊กว่านักคิดนักเขียนก้าวหน้าทั้งหลายมองนายคุณภิญโญเป็นรอยัลลิสต์ แต่ตนไม่กล้าที่จะเชื่อสิ่งที่พูด เพราะว่าแนวคิด วิธีคิดของกลุ่มเพื่อนนายภิญโญค่อนข้างที่จะสนับสนุนการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 รวมถึงคอนเนกชันที่มีกับสำนักพิมพ์สายมติชน ฉะนั้นแวดวงของนายภิญโญเป็นกลุ่มที่มีความคิดซ้ายค่อนข้างเยอะพอสมควร
การที่บอกว่าพวกหัวก้าวหน้ามองว่าเขาเป็นรอยัลลิสต์ อาจจะเพราะพวกหัวก้าวหน้าไม่ต้องการให้มีสถาบันกษัตริย์เลย แต่ของนายภิญโญอาจจะเป็นในลักษณะที่ต้องการให้ลดบทบาทลง เหลือเป็นแค่สัญลักษณ์ อีกทั้งความสัมพันธ์ของนายภิญโญ กับนายสมชัย สุวรรณบรรณ ผอ.ไทยพีบีเอส ว่ามีความคิดใกล้เคียงกัน ชอบไปดูงานกันที่ประเทศอังกฤษ เรื่องของราชวงศ์ จนกระทั่งมีข่าวมาว่าถูกอกถูกใจกัน ขนาดที่ว่าให้งบถึงเดือนละประมาณ 3 ล้านบาท เพื่อมาทำรายการเองเลย
และสุดท้ายเนื้อหาของรายการตอบโจทย์มันไม่ใช่การดีเบต แต่มันคือการเสวนาที่มีธงเดียวกัน ระหว่างนายสมศักดิ์ เจียมธีรสุกล กับ อาจารย์ ส. ศิวรักษ์
คนไทยยังไม่พร้อมเรื่องประชาธิปไตยและวิจารณ์สถาบัน เพราะยังไหว้ลูกแมวในไส้กรอก
"มันเหมือนกับว่าถ้าเรายังไม่มีความพร้อมที่เราจะ ที่สังคมไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะไปถึงจุดตรงนั้นแล้วเราไปทำอะไร ที่มันข้ามสเต็ปไป ซึ่งบางที่มันอาจไม่จำเป็นต้องมีสเต็ปนั้นเลยด้วยซ้ำไปนะครับ มันก็เป็นผลเสียมากกว่าผลดี ยกตัวอย่างเช่นอะไรครับ ผมจะพูดเป็นข้อๆ ผมให้มา 5 ข้อ ถูกไหมครับ ข้อแรกเลยคือว่าคุณอยากจะให้สถาบันกับสังคมไทยเป็นเหมือนอังกฤษ หรือประเทศตะวันตก คุณก็ต้องดูคุณภาพของประชากรก่อน แม้แต่ญี่ปุ่นเอง ผมไม่ได้ดูถูกนะ แต่เป็นความจริง คุณภาพของคนไทยกับคนญี่ปุ่นกับคนอังกฤษ หรือทางคนตะวันตก แค่การเข้าถึงการศึกษา หรือว่าระดับการศึกษาก็ต่างกันแล้ว คนไทยเองอ่านหนังสือปีละแค่ 4 บรรทัดเท่านั้นเอง คนไทยยังไปไหว้ลูกแมวในแหนมอยู่เลย มันยังไม่พร้อมแม้กระทั่งไม่ใช่เรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันนะ แม้แต่กระทั่งเรื่องของประชาธิปไตย คนไทยยังไม่พร้อม คนไทยก็แค่กำนันมาบอกว่า เลือกคนนี้ไปแล้วกันเขาว่าดี เดี๋ยวเขาก็จะมาทำอะไรให้ทีหลัง แห่กันไป คนไทยไม่ได้มีแนวคิดที่เป็นตัวของตัวเอง หรือแม้แต่การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ แบบนี้คือโอเค นั้นคือเป็นเรื่องการรับไม่ได้ของคนกรุงที่ไม่ต้องการคนเผาบ้านเผาเมือง"
"ในที่สุดเนื้อหาสาระของการเลือกตั้ง มันก็ไปอีกแบบ คนกรุงไม่ได้ผิดอะไรนะครับ ผมเคารพทุกอย่างก็เห็นด้วย ว่าคนกรุงตัดสินเพียงเห็นว่า ชนบทเป็นแบบนี้ คนกรุงเทพฯ ก็จะโดนปั่นแบบนี้ เทียบกับที่คุณสนธิพูดตลอดว่า สังคมในสหรัฐอเมริกา สังคมยุโรป คนจะสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง แต่คนไทยไม่มีตรงนี้ พอคนไทยไม่มีตรงนี้ มันก็เลยเกิดการปลุกปั่นได้ ถ้าเกิดว่ามันจะมีการปลุกปั่น แล้วปัจจุบันมันก็มีการปลุกปั่นอยู่แล้ว ซึ่งเดี๋ยวจะท้าวต่อไปว่า โอเคมันปลุกปั่นกันยังไง อันนี้คือข้อแรก"นายจิตตนาถกล่าว
พื้นที่วิจารณ์สถาบันฯ อย่างไม่เป็นทางการมีอยู่ในเฟซบุค อย่างเป็นทางการคือคำตัดสินของศาล
นายจิตตนาถกล่าวอีกว่า รายการตอบโจทย์พยายามบอกว่าประเทศไทยไม่มีพื้นที่สำหรับการวิจารณ์สถาบันฯ ถือเป็นการทำลายสถาบันฯ ในทางอ้อม ตนไม่เห็นด้วย ถึงขั้นรายการออกอากาศได้ถึง 5 เทปในฟรีทีวีที่คนดูได้ทั้งประะทศ แบบนี้เรียกว่าไม่มีพื้นที่ได้อย่างไร อีกทั้งการดีเบตแบบไม่เป็นทางการก็เกิดขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้ว อย่างในเฟซบุ๊กก็มีเต็มไปหมด ส่วนที่เป็นสาธารณะและอย่างเป็นทางการ ก็คือคำตัดสินของศาล
ส่วนวาทกรรมที่ตนไม่เห็นด้วย คือ เขามองว่าถ้าจะปฏิรูปประเทศไทยต้องมีการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ ประเทศไม่เคยมีปัญหาเพราะสถาบันฯ แล้วการที่บอกว่าควรโอนสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้รัฐบาลดูแล ทำไมคุณไม่เอาทรัพย์สินของตัวเองไปให้คนอื่นดูแลบ้าง แบบนี้เวลาสถาบันฯ จะทำอะไรก็ต้องให้การเมืองอนุมัติหรือ แบบนี้มันไม่แฟร์ และที่น่ากลัวที่สุดเขามองว่าสถาบันฯ เป็นปัญหาของประชาธิปไตย ทั้งที่จริงๆ แล้วปัญหาคือคนไทยยังไม่พร้อมกับระบอบประชาธิปไตย และตัวนักการเมืองเอง ควรแก้ที่ตรงจุดนี้มากกว่า พระองค์ท่านไม่เคยไปยุ่มย่าม แต่เกิดการแปดเปื้อนก็เพราะโดนวังวนของการเมืองทำให้ท่านโดนเข้าใจแบบผิดๆ และการที่ไม่ต้องการให้มีพระราชดำรัสโดยตรงต่อประชาชน ตนขอถามว่าแบบนี้ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของสถาบันฯ หรือ
แต่ตนเห็นด้วยกับที่ ส.ศิวลักษณ์ เคยพูดไว้ว่าพวกโหนเจ้าเป็นคนทำให้สถาบันฯ เสียหาย ซึ่งฝ่ายการเมืองทุกวันนี้มีสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต้องการล้มเจ้าชัดเจน อีกฝ่ายหนึ่งก็โหนเจ้า ชอบปล่อยข่าวลือต่างๆ นานาว่าเจ้าสนับสนุน แต่ไม่รู้หรอกว่ามันมีผลกระทบกลับมายังสถาบันฯ ถ้าพรรคการเมืองนั้นทำงานไม่ดี
นับถือและขอบคุณที่ภิญโญมีไมตรีหวังจิบชา ยินดีจะได้เจอ แต่ชาติบ้านเมืองจำเป็นจึงต้องพูด
เมื่อถามถึงการข้อเขียนของนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ในหัวข้อ “จิตตนาถ ลิ้มทองกุล ที่ผมรู้จัก” นายจิตตนาถได้กล่าวว่า ตนนับถือนายภิญโญและขอบคุณที่มีจิตไมตรีให้ตน ที่บอกว่าหวังจะได้จิบชากัน ตนก็ไม่ได้ข้องใจ ขอยืนยันไม่ได้โกรธ ยินดีเจอ เพราะเราไม่ได้จะฆ่ากัน แต่เรื่องชาติบ้านเมืองมีความจำเป็นที่ตนต้องพูด
"ผมกำลังจะบอกว่าเรื่องของชาติบ้านเมือง ผมมีความจำเป็นที่ผมต้องพูด เรื่องของชาติบ้านเมืองมันไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง เราไม่จำเป็นต้องฆ่ากัน แต่ว่าเรื่องอะไรที่ต้องพูดเราก็ต้องพูด ผมไม่ใช่คนที่เอาพวกพ้องเป็นหลัก ผมเอาชาติบ้านเมืองเป็นหลัก"
ส่วนเจตนาของนายภิญโญก็ให้สังคมดูเอาเองจากข้อเขียนที่ผ่านมา หรือการที่รายการเชิญนายสมศักดิ์มาถึง 3 ครั้ง ทุกอย่างมีคำตอบในตัวของมันเองอยู่แล้ว แล้วที่บอกว่าไม่เคยพาดพิงผู้จัดการ นายภิญโญยังเคยเตือนสตินายสนธิเลย ตอนที่หนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะยังไม่เห็นธาตุแท้ แม้จะเป็นลูกน้องแต่นายภิญโญทำขึ้นปกหนังสือโอเพ่นเลยว่า “ผู้จัดการเปลี่ยนไป หรือสนธิเปลี่ยนไป” ซึ่งตนก็มองว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถเตือนกันได้ แต่วันนี้กลับกัน นายภิญโญถึงขั้นไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณถึงเมืองนอก มันสมควรหรือที่เอานักโทษหนีคดีมาออกทีวีสาธารณะ เท่ากับว่านายภิญโญไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง จะเขียนอะไรหวานๆ ก็เขียนได้ แต่อยากให้ดูที่พฤติกรรม ถ้านายภิญโญต้องการหาทางออกให้สังคมจริงอย่างที่ว่า ตนมองว่ามันไม่เหมาะสมด้วยกาลและเวลา
เชื่อสถาบันฯ ปรับตัวมานานแล้ว และกษัตริย์ภูฏานมาศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง
"คุณภิญโญอาจต้องการหาทางออก แต่ผมก็มองว่ามันไม่เหมาะสมด้วยกาลและเวลา และอีกอย่างพวกคุณกำลัง Under estimate ประเมินสถาบันต่ำไปเปล่า ผมเชื่อว่าสถาบัน ปัจจุบันตั้งนานมาแล้ว ก็มีการปรับตัวในเข้ากับสังคมไทยตั้งนานมาแล้ว ไปดูสิครับพระราชาธิบดีจิกมี่ท่านประธานประชาธิปไตยชาวภูฏาน พระราชาธิบดีจิกมีศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง พระราชาธิบดีจิกมีมีแนวคิด GHP - Gross Happiness Product ออกมาวัด เมื่อสังคมไทยมันพร้อมมากขึ้นเมื่อมันไม่มีสถานการณ์อะไรบางอย่างที่เป็นอยู่อย่างนี้ เมื่อทุกอย่างมันถึงจุดที่พร้อมมากขึ้น คุณก็จะเห็นว่าสถาบันจะมีการปรับตัวที่ใกล้ชิดมากขึ้น โดยที่คุณไม่ต้องมานั่งเรียกร้องอะไรที่มันงี่เง่าแบบนี้เลย"นายจิตตนาถกล่าว
นายจิตตนาถกล่าวด้วยว่าส่วนพวกที่เรียกตัวเองว่าหัวคิดก้าวหน้า คุณกำลังประเมินสถาบันฯ ต่ำไปหรือเปล่า สถาบันฯ ปรับตัวให้เข้ากับสังคมไทยตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่คุณไม่ยอมรับความจริง วันหนึ่งเมื่อสังคมพร้อมมากขึ้น เมื่อไม่ได้มีสถานการณ์แบบทุกวันนี้ จะเห็นว่าสถาบันฯ ก็ปรับตัวให้ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น